วันนี้ (17 มีนาคม) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปกรณ์ มหรรณพ กรรมการการเลือกตั้ง แถลงข่าวชี้แจงข้อท้วงติงจากพรรคการเมืองถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า วันนี้ กกต. จะมีประชุมด่วน ซึ่งเรื่องดังกล่าว กกต. พร้อมให้ข้อมูลและเหตุผล สิ่งที่มีข่าวในช่วงนี้คือการแบ่งเขตของ กกต.กทม. อาจมีปัญหา
แต่ขอยืนยันว่า ผู้อำนวยการ กกต.กทม. และทีมงาน รวมทั้งส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการแบ่งเขตอย่างสุดความสามารถ และได้ใช้เวลาในการพิจารณาอย่างเหมาะสม โดยเรื่องที่มีข้อท้วงติงของนักการเมืองบางครั้งอาจจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อยากจะขอชี้แจงว่า การแบ่งเขตครั้งนี้ กกต.กทม. ยึดหลักตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกฎหมายในมาตรา 27 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่า ให้แบ่งเขตแต่ละเขตติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน ซึ่งมาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 86(5) บัญญัติว่าจะต้องแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละเขตให้แต่ละเขตติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้เราปฏิบัติ
ปกรณ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือ กทม. ไม่สามารถกำหนดเขตปกครองเดียวให้เป็นเขตเลือกตั้งได้ เพราะค่าเฉลี่ยของประชากรของ กทม. ในหนึ่งเขตเลือกตั้งมีประมาณ 160,000 คน แต่อย่างเขตปกครองในเขตคลองสามวามีประมาณ 200,000 คน เขตบางเขน เขตประเวศ และเขตลาดกระบัง มีเขตละ 180,000 คน เขตสายไหม 200,000 กว่าคน เขตหนองจอกและเขตบางขุนเทียนมีเขตละ 180,000 กว่าคน และเขตบางแค 190,000 คน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้ง 8 เขตนี้ไม่สามารถแบ่งเป็นเขตเดียวของการเลือกตั้งได้ เราจึงพิจารณาตามกฎหมายในมาตรา 21(2) ที่กำหนดว่า ในกรณีที่ไม่สามารถทำตาม (1) ได้ เพราะราษฎรในแต่ละเขตไม่ใกล้เคียงกัน จึงให้แบ่งเขตตามสภาพของชุมชนที่มีราษฎรติดต่อกันประจำในลักษณะเป็นเขตชุมชนเดียวกัน โดยจะต้องให้จำนวนประชากรมีจำนวนใกล้เคียงกันมากที่สุด
ปกรณ์กล่าวต่อไปว่า เราได้ปฏิบัติตามมาตรา 27(2) อย่างเคร่งครัด ทุกเขตจะเป็นลักษณะชุมชนเดียวกัน จำนวนราษฎรจะไม่เกินหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่ง กกต. ได้ออกหลักเกณฑ์ระเบียบที่ว่า จังหวัดแบ่งเขตโดยค่าเฉลี่ยประชากรในจังหวัดเป็นเกณฑ์ แต่ละเขตไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของค่าเฉลี่ยประชากร หรือใน กทม. แต่ละเขตไม่ควรเกิน 16,000 คน
“ขอให้นักการเมือง โดยเฉพาะใน กทม. คำนึงถึงทั้ง 33 เขต เพราะมันเชื่อมโยงกันหมด อย่าพิจารณาเฉพาะบางเขต เพราะถ้าพิจารณาเฉพาะเขตจะไม่สามารถทำงานในภาพรวมได้เลย และตามที่มีข่าวว่ามีการยื่นร้องต่อศาลปกครองในเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นสิทธิที่จะทำได้ตามกฎหมาย แต่ผมขอร้องต่อศาลปกครองว่าก่อนที่ท่านจะมีคำสั่งอย่างอื่นอย่างใด ทาง กกต. พร้อมที่จะชี้แจงให้ข้อมูล และผมยินดีจะไปชี้แจงด้วยตนเอง” ปกรณ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พิจารณาข้อมูลของพรรคชาติพัฒนากล้าไปแล้วหรือไม่ ปกรณ์กล่าวว่า ทุกอย่างเราได้พิจารณาไปแล้ว แต่เมื่อมีข้อท้วงติงของพรรคการเมือง เราก็พร้อมตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง จึงมีการเรียกประชุมด่วนในเวลา 16.00 น. ของวันนี้