วันนี้ (19 พ.ย.2568) อีซี่มันนี่ กรุ๊ป หรือ Easy money ธุรกิจสินเชื่อทรัพย์ค้ำประกัน ของไทย ประกาศวิสัยทัศน์ ‘Unlocking Thailand’s Asset Potential’ (ปลดล็อกศักยภาพสินทรัพย์ของคนไทย) เดินหน้าทรานส์ฟอร์มธุรกิจรับจำนำ พลิกบทบาทจาก ‘ทางเลือกฉุกเฉิน’ สู่ ‘ประตูสู่โอกาส’ ชูแนวคิด ‘Asset-Backed Financing’ ที่เปลี่ยนสินทรัพย์ ให้เป็นทุนภายใต้แนวคิด ‘กู้ตัวเอง ไม่พึ่งใคร’
สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ ประธานกรรมการบริหาร อีซี่มันนี่ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ‘อีซี่มันนี่’ มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มีต่อโรงรับจำนำ โดยแก้ภาพจำธุรกิจรับจำนำดั้งเดิม ที่ประเมินราคาทรัพย์สินไม่โปร่งใส ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสถานะของผู้ใช้ บริการที่มีอำนาจต่อรองน้อย ด้วยการใช้เทคโนโลยี เข้ามายกระดับบริการ ให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากันสถาบันการเงิน ผ่านระบบการรับจำนำรูปแบบใหม่ โดยสามารถประเมินราคาทรัพย์สิน และส่งดอกเบี้ยออนไลน์ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบรักษาทรัพย์สินที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่เป็น Bridging Loan ช่วยคนไทยที่มีทรัพย์สินอยู่ในมือ แต่เข้าไม่ถึงเงินทุนในระบบ เพราะไม่มีคะแนนเครดิต สามารถคว้าโอกาสต่อยอดธุรกิจ และการลงทุน
ทำให้ปัจจุบันธุรกิจเติบโตต่อเนื่องจนมี 98 สาขา และพอร์ตสินเชื่อคงค้างจำนวน 27,000 ล้านบาท โดยลูกค้ากลุ่มหลักคือ sme คิดเป็นสัดส่วน 25% และฟรีแลนซ์ โดยมีอัตราการไถ่ถอนทรัพย์สินคืนมากถึง 90%
ด้านผลประกอบการ 10 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้ 11,997 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากดอกเบี้ย และมีกำไรสุทธิ 1,188 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.68% และ 43.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
ล่าสุด บริษัทยังได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อจาก 3 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารออมสิน และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่สถาบันการเงินมีต่อบริษัทฯ
เศรษฐกิจฟื้น ราคาทองขึ้น คนแห่เข้าโรงจำนำ
หลังโควิดธุรกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัว ธุรกิจโรงรับจำนำจะได้รับอานิสงส์มาก เนื่องจากคนจะลงทุนทำธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น จึงต้องการแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงง่าย ในขณะที่ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว การเติบโตธุรกิจก็จะชะลอตาม เพราะคนจะจำนำแลกเงินไปหมุน เท่าที่จำเป็น เมื่อมีสภาพคล่องพอแล้ว ก็จะรีบมาไถ่ถอน เพราะกังวลเรื่องภาระดอกเบี้ย
สำหรับปี 2568 ธุรกิจ Easy money เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก จากราคาทองที่ปรับสูงขึ้นตลอดทั้งปี ทำให้ได้กำไรจากส่วนต่างราคาทองของลูกค้า ในช่วงระยะเวลาจำนำ 5 เดือน
ทั้งนี้ในระยะข้างหน้า คาดว่า ราคาทองจะปรับเพิ่มขึ้นอีก จากกระแสภูมิรัฐศาสตร์ Dedollarization ที่ทั่วโลกลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ราคาทองผันผวน บริษัทมีการจำกัดความเสี่ยง ด้วยการจำกัดวงเงิน ไม่ได้ให้วงเงินเต็มจำนวน ตามมูลค่าสินทรัพย์ที่ประเมินได้
คนรุ่นใหม่ จำนำทอง ลงทุนคริปโต-ธุรกิจ
ทรัพย์สินที่คนไทยนิยมนำมาจำ 5 อันดับแรก มีดังนี้ 1.ทองคำ 2.เพชร 3.นาฬิกา 4.พระเครื่อง 5.กระเป๋าแบรนด์เนม ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากกลุ่ม sme ที่เป็นลูกค้าหลักแล้ว ยังเห็นกระแสกลุ่มคนรุ่นใหม่ นำทองมาจำนำ เพื่อนำเงินสดไปลงทุนในคริปโตเคอเรนซี และต่อยอดไอเดียสร้างธุรกิจ สตาร์ทอัปเป็นของตัวเองมากขึ้น
จ่อ IPO มั่นใจ สินเชื่อโตทะลุ 7 หมื่นล้าน
คาดว่าสิ้นปี 2568 จะมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 28,000 ล้านบาท เติบโต 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับปี 2569 ตั้งเป้ามีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 40,000 ล้านบาท เติบโต 20% ทั้งนี้ปัจจุบัน Easy money อยู่ระหว่างจัดทำบัญชี ให้ได้ตามมาตรฐาน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเตรียมเสนอขาย IPO ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้คาดว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว สินเชื่อคงค้างจะเติบโตไปสู่ระดับ 60,000-70,000 ล้านบาท
แนวโน้มธุรกิจรับจำนำ 5-10 ปี ข้างหน้า
สุธี พนาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด มองว่า ธุรกิจ Easy money จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ มนุษย์จะต้องมีการปรับตัว เพื่อหาทางรอด โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจขาลง กลุ่มลูกค้า sme ที่เข้าไม่ถึงสภาพคล่อง จะหันมาใช้บริการรับจำนำมากขึ้น เพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ ให้เติบโตต่อไปได้ ซึ่ง Easy money ถือเป็นพาร์ตเนอร์ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนตั้งต้นธุรกิจ
นอกจากนี้จากมูลค่าสินทรัพย์ และพฤติกรรมลูกค้า ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ที่สนับสนุนการเติบโตธุรกิจรับจำนำ ในอนาคตคนไทยจะครอบครองสินทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะทองคำ หากราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ คาดว่าธุรกิจจะโตตามมูลค่าของสินทรัพย์
ทั้งนี้ในด้านจำนวนลูกค้า ปัจจุบัน Easy money ยังมีจำนวนลูกค้าน้อย เนื่องจากคนไทย ยังไม่รู้จักบริการนี้ในวงกว้าง จึงมีพื้นที่เติบโตอีกมาก อีกทั้งยังติดภาพจำ ธุรกิจโรงรับจำนำ ดั้งเดิม ซึ่งมองว่าลูกค้าที่มาใช้บริการ เป็นคนที่ขัดสนทางการเงิน และไม่มีทางเลือก ทั้งที่ความจริงแล้วลูกค้าที่มาใช้บริการปัจจุบัน เป็นกลุ่มคน ที่รู้จักคว้าโอกาสทางการเงิน มีสินทรัพย์เป็นของตัวเอง เพราะหารายได้เก่ง
