นักเศรษฐศาสต ร์เตือน คลื่นความร้อนในจีนอาจกระทบเศรษฐกิจหนัก

นักเศรษฐศาสตร์ เผย คลื่นความร้อนในจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง โดยคาดการณ์ว่าปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าจะเป็นสาเหตุทำให้การเติบโตของ GDP จีนลดลงประมาณ 1.5% ในปีนี้ โดยการเติบโตของ GDP จีนทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 4% แต่หากสถานการณ์ปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป GDP ของจีนทั้งปีน่าจะโตต่ำกว่า 3%

Dan Wang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Hang Seng Bank China เปิดเผยกับรายการ ‘Squawk Box Asia’ ของ CNBC ว่าคลื่นความร้อนในจีน ‘เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างเลวร้าย’ เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานมาก ไปจนถึงเศรษฐกิจ และแม้กระทั่งต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าคลื่นความร้อนอาจคงอยู่ต่อไปอีก 2-3 เดือน

ปัจจุบันจีนกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ รวมถึงเหตุไฟฟ้าดับในพื้นที่แม่น้ำแยงซี โดยอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ขัดขวางการเจริญเติบโตของพืชผล และคุกคามชีวิตปศุสัตว์

Dan Wang กล่าวเสริมว่า เราได้เห็นการชะลอตัวของการผลิตในอุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมปุ๋ย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากในภาคการก่อสร้าง ภาคการเกษตร และภาคการผลิตโดยทั่วไป

โดยตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นสื่อรัฐบาลจีน ระบุว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของลุ่มแม่น้ำแยงซีมีอุณหภูมิสูงมากตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ขณะที่ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ก็ลดลงประมาณ 45% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลจากกระทรวงทรัพยากรน้ำ

อย่างไรก็ตาม Liu Weiping รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (17 สิงหาคม) ว่าอ่างเก็บน้ำในตอนกลางและตอนล่างของแม่น้ำแยงซีได้เติมน้ำเพิ่มจำนวน 5.3 พันล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่เดือนสิงหาคม

โดยเหตุคลื่นความร้อนและไฟฟ้าดับในจีนเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลและหวนนึกถึงเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในปีก่อน ซึ่งครอบคลุมศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญหลายแห่งของจีน เช่น กวางตุ้ง เจ้อเจียง และเจียงซู

Dan Wang ระบุอีกว่า ในปีที่แล้วตามที่เราคาดการณ์ไว้ ระยะเวลาการขาดแคลนไฟฟ้าเป็นสาเหตุทำให้การเติบโตของ GDP จีนลดลงประมาณ 0.6 % ขณะที่ปีนี้เราคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะสูงขึ้นมาก โดยน่าจะทำให้การเติบโตของ GDP ลดลง 1.5%

ทำให้ตอนนี้เราคาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP จีนทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 4% แต่หากสถานการณ์ปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป อัตราการเติบโตของ GDP ทั้งปีน่าจะต่ำกว่า 3%

อ้างอิง: