วันนี้ (22 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 10/2568 งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท โดยจะทบทวนงบประมาณท้องถิ่น 4.2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาทุนมนุษย์ ว่ายังไม่มีข้อสรุปออกมา ซึ่งใน 1-2 วันนี้จะมีการประชุมกันอีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้ขอให้รอฟังคำชี้แจงจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมี พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีการประชุมและพิจารณาอย่างไร ก่อนหน้านี้พิชัยเคยพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วว่า ต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง หากไม่ใช่การเอื้อ แต่มีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าไม่เข้าเงื่อนไข ก็ต้องพิจารณานำไปใช้ในส่วนที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ดังนั้นจึงต้องรอฟังจากคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากท้องถิ่นถูกตัดงบทั้งหมด จะไม่สูญเสียกำลังใจใช่หรือไม่ เพราะให้ไปกระจายอำนาจแต่ไม่มีงบประมาณไปทำ ภูมิธรรมระบุว่า ก็เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบที่จะต้องหาทรัพยากรให้ไปดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะทำอย่างไร เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยออกมาโวยในที่ประชุม ครม. ว่างบส่วนนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลับมีการโยกงบให้กับบางจังหวัด และสุดท้ายคณะอนุฯ กลับนำงบส่วนนี้ไปใช้ทำอย่างอื่น ภูมิธรรมกล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ เดชอิศม์แค่สอบถามว่างบดังกล่าวเป็นอย่างไร หากสุดท้ายแล้วไม่ใช่งบกระตุ้นเศรษฐกิจก็ถือเป็นความบกพร่องของผู้รับผิดชอบครั้งก่อน ที่ทำให้ไม่เข้าเป้าตามที่ร้องขอและเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เดชอิศม์ต้องไปพูดคุยกับอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภูมิธรรม ในฐานะ รมว.มหาดไทย จะต้องไปสู้กับการริบงบประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาทหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า คงต้องไปชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจ ส่วนจะมีทางออกอย่างไร ถ้ายืนยันว่าเป็นเช่นนั้น เราก็ต้องหาทางออก เพราะเราดูแลรับผิดชอบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว แต่ตนเองจะไปดูข้อเท็จจริงก่อนว่า ตัดสินใจด้วยเหตุผลใด หากมีความชัดเจน ก็เป็นหน้าที่ของตนในการแก้ปัญหาและเยียวยา เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกพื้นฐานที่ดูแลพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า สาเหตุที่มีการริบงบดังกล่าว มาจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยมีหนังสือเตือนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาก่อนใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ
