มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) แสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายลงของสงครามการค้า พร้อมเตือนว่าปัญหาขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปจากกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออก
ดรากี และคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เข้าร่วมการประชุม ECB ครั้งที่ 8 ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ซึ่งโฟกัสไปที่ประเทศยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออก และยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ (CESEE) โดยทั้งคู่เห็นพ้องว่าสงครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่นี้ได้สร้างปัญหาให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และมีแนวโน้มเลวร้ายลงเรื่อยๆ
“โมเดลธุรกิจยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกมีความเสี่ยงอย่างมาก หากเผชิญกับปัญหาการค้าระหว่างประเทศ” ดรากีกล่าว พร้อมยกตัวอย่างอุตสาหกรรมรถยนต์ของกลุ่มประเทศ CESEE ซึ่งมียอดส่งออกคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 30% ของยอดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหมด โดยหากรัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการขึ้นภาษีกับชิ้นส่วนรถยนต์จากยุโรป ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกอย่างแน่นอน
“ปัญหาท้าทายในระยะยาวก็คือการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างสมดุล โดยเน้นพึ่งพานวัตกรรมในประเทศให้มากขึ้น และเพิ่มรายจ่ายเพื่อการลงทุนมากกว่าแต่ก่อน” ดรากีแนะ
ขณะที่ลาการ์ดกล่าวเสริมว่าอุปสรรคสำคัญในเวลานี้ก็คือหลายประเทศขาดความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหากันแบบพหุภาคี
“เศรษฐกิจโลกถูกฉุดรั้งให้ขยายตัวช้าลงมานานกว่า 6 ปี ขณะที่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกได้ขยายหรือขู่ที่จะขยายกำแพงภาษี และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่สร้างความกระทบกระเทือนในวงกว้างต่อพวกเราทุกคน” ผู้นำ IMF กล่าว
ทั้งดรากีและลาการ์ดเห็นตรงกันว่าหากสหรัฐฯ ขยับขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกของยุโรปจะสร้างผลกระทบต่อประเทศที่เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยุโรป ซึ่งรวมถึงโรมาเนีย, โปแลนด์, สาธารณรัฐเช็ก และสโลวาเกีย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: