×

ครม. ไฟเขียว เออร์ลี่ทหารยศสูง จูงใจให้ 7-10 เท่าของเงินเดือน ใช้งบ 600 ล้านบาท คาด 3 ปี เข้าโครงการ 732 นาย

โดย THE STANDARD TEAM
09.07.2024
  • LOADING...
เออร์ลี่ทหารยศสูง เกษียณอายุราชการก่อนกำหนด

วันนี้ (9 กรกฎาคม) เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2570 โดยผู้ที่ลาออกได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่โครงการกำหนด รวมทั้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสนับสนุนดำเนินการโครงการดังกล่าวตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ

 

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมจะเริ่มดำเนินการโครงการในเดือนกรกฎาคม 2567 และจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้ทันเกษียณอายุราชการภายในเดือนตุลาคม 2567

 

เกณิกากล่าวว่า กระทรวงกลาโหมมีแผนปรับลดกำลังพลนายทหารชั้นนายพลในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายทหารปฏิบัติการ ให้เหลือร้อยละ 50 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-2571 และต่อมามีแผนปฏิรูปการบริหารจัดการกำลังพลของกระทรวงกลาโหม กำหนดเป้าหมายการปรับลดกำลังพลลงร้อยละ 5 ของยอดกำลังพล ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563-2570

 

กระทรวงกลาโหมจึงจัดทำแนวทางการดำเนินโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะสามารถแก้ไขปัญหาด้านกำลังพลของกระทรวงกลาโหมได้ตรงจุด มีระยะเวลา 3 ปี และกระทรวงกลาโหมได้ประมาณการผู้เข้าร่วมโครงการรวม 3 ปี ประมาณ 732 นาย (ปีละ 244 นาย) และสามารถประหยัดงบประมาณได้ประมาณ 4,479,84 ล้านบาท

 

รายละเอียดสรุปได้ดังนี้

 

หลักการ: จูงใจข้าราชการทหารที่ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายทหารปฏิบัติการ และประจำหน่วยให้ลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุราชการโดยสมัครใจ เพื่อลดความคับคั่งของกำลังพลในกลุ่มชั้นยศสูง

 

มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

 

  1. เพื่อปรับขนาดอัตรากำลังพลของกระทรวงกลาโหมให้มีความเหมาะสม
  2. เพื่อลดความคับคั่งของผู้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายทหารปฏิบัติการ และประจำหน่วย ซึ่งเป็นกำลังพลในกลุ่มชั้นยศสูง
  3. เพื่อประหยัดงบประมาณด้านบุคลากรของรัฐระยะยาว

 

เป้าหมาย: ข้าราชการทหารชั้นยศพันเอก นาวาเอก และนาวาอากาศเอกขึ้นไป ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายทหารปฏิบัติการ และประจำหน่วย ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และเป็นผู้มีเวลาราชการ 25 ปีขึ้นไป ไม่รวมเวลาราชการทวีคูณ นับถึงวันก่อนออกจากราชการตามโครงการ และมีเวลาราชการเหลือ 2 ปีขึ้นไป นับตั้งแต่วันที่ออกจากราชการตามโครงการ

 

การดำเนินโครงการ/เงื่อนไข

 

  1. จัดสรรจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการแยกตามชั้นยศและตำแหน่งให้กับหน่วยขึ้นตรง กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ
  2. แต่งตั้ง คกก. พิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ และคัดเลือกกำลังพลเข้าร่วมโครงการตามเงื่อนไขที่กำหนด
  3. กรณีมีผู้สมัครเป็นจำนวนมาก ให้พิจารณาจากปัจจัยตามลำดับ ดังนี้ ตำแหน่ง อายุ 
  4. ไม่ให้นำอัตราตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายทหารปฏิบัติการ และประจำหน่วย ที่ว่างจากการเข้าร่วมโครงการมาใช้สำหรับการบรรจุทดแทนกำลังพลในตำแหน่งอัตราแรกบรรจุทุกกรณี
  5. ผู้ที่จะปรับทดแทนจะต้องเป็นผู้เหลืออายุราชการไม่เกิน 1 ปี หรือจะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณนั้นเท่านั้น เพื่อ กห. จะดำเนินการปิดอัตราดังกล่าวต่อไป
  6. ตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการและประจำหน่วย ไม่ให้มีการบรรจุทดแทนทุกกรณี
  7. ห้ามบรรจุกลับเข้ารับราชการประจำ และห้ามทำสัญญาจ้างกลับเข้าเป็นพนักงานราชการ

 

สิทธิประโยชน์ อาทิ สิทธิประโยชน์ที่เป็นเงินก้อน 7-10 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) โดยไม่รวมเงินหรือค่าตอบแทนพิเศษอื่นๆ ตามสูตรการคำนวณ ดังนี้

 

เงินก้อน = [5 + อายุราชการที่เหลือ (ปี)] x เงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) แต่สูงสุดไม่เกิน 10 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย รวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)

 

แหล่งเงินงบประมาณ: ใช้งบประมาณด้านบุคลากรของ กห. ดำเนินการภายในกรอบวงเงินงบประมาณที่ กห. จัดสรรในวงเงิน 600 ล้านบาท โดยไม่ของบกลางเพิ่มเติม แบ่งการดำเนินโครงการระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 ในวงเงินจำนวน 200 ล้านบาทต่อปี

 

การรายงานผลการปฏิบัติ: หน่วยขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ รายงานผลการดำเนินโครงการ รวมถึงปัญหาข้อขัดข้องให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ภายใน 30 วัน หลังจากวันที่มีคำสั่งให้ข้าราชการทหารออกจากราชการของแต่ละปี เพื่อรวบรวมและสรุปผลนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X