ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกมีความผันผวนสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีทั้งช่วงขาขึ้นหรือดิ่งลงอย่างกะทันหัน ทำให้นักลงทุนสนใจการลงทุน DW (Derivative Warrants) หรือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณการซื้อขาย DW เฉลี่ยต่อวันทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 11,000 ล้านหน่วยต่อวัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 6,400 ล้านบาทต่อวัน
DW13 ไม่ใช่ New Normal ของการลงทุน แต่เป็น Now และ Next ที่เกิดขึ้นแล้ว
เจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เล่าว่า หากเราย้อนกลับไปมองความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจในอดีต ทั้งวิกฤตตลาดหุ้น 2 ครั้งล่าสุด วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตซับไพรม์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นให้ปรับตัวลดลงอย่างแรง
ในวิกฤตที่ผ่านมาหากนักลงทุนที่ไม่ได้ถือหุ้นอยู่ก็รอดไป แต่ถ้าถือหุ้นอยู่และเทขายไม่ทันยิ่งขาดทุนหนัก ซึ่งวิกฤตที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยังไม่มี DW หรือเครื่องมือที่ให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรขาลง และลดความเสี่ยงเมื่อตลาดปรับตัวลงได้
“แต่วิกฤตในตลาดหุ้นท่ามกลางโควิด-19 ครั้งนี้แตกต่างออกไป แม้กลุ่มนักลงทุนที่ถือครองหุ้นบางส่วนจะขาดทุนหนัก แต่เราเห็นชัดเจนว่ารอบนี้นักลงทุนที่เปิดรับเครื่องมือการลงทุนใหม่ๆ เช่น DW Put สามารถนำมาใช้ช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงแรงๆ ได้
ยิ่งหลังจากวิกฤตตลาดหุ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา ได้เห็นนักลงทุนหน้าใหม่ที่เริ่มให้ความสำคัญ และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DW มากขึ้น ถือเป็นพัฒนาการด้านบวกของตลาด DW ที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็งกำไร แต่สามารถมาใช้ลดความเสี่ยงในช่วงวิกฤตได้”
ดังนั้นขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศยังไม่ปรับตัวดีขึ้น กลายเป็นความเสี่ยงตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้อีก DW13 เป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อเก็งกำไร ไม่ว่าสถานการณ์ในตลาดจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง
DW13 เจาะตลาดนักลงทุนชู ‘ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี’ นั่งแท่นพรีเซนเตอร์
ปลายปี 2562 ที่ผ่านมา DW13 คว้าตัวพรีเซนเตอร์ใหญ่ของประเทศอย่าง ‘ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี’ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่ และสายเทรดขาใหญ่ เข้ามาทำความรู้จักและใช้เครื่องมือการลงทุนในสภาวะที่ตลาดผันผวนแรงอย่าง DW13 มากขึ้น
หลังจากเปิดตัวพรีเซนเตอร์ ในปี 2563 DW13 ก็ปล่อยคลิปสัมภาษณ์พิเศษพี่ติ๊ก เปิดมุมมองในฐานะนักลงทุน DW ก็มีผู้ชมทะลุหลักล้านในเวลาไม่กี่วัน และพบว่ายอดการค้นหาว่า ‘DW คืออะไร’ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำไม DW13 ถึงเป็นที่ 1 ครอง Market Share ได้สูงถึง 52%
ในธุรกิจโบรกเกอร์ การครอง Market Share ได้สูงถึง 52% นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เกิดจากความเชี่ยวชาญของ DW13 และกลยุทธ์หา Winning Zone ของธุรกิจ อย่างการโฟกัสที่ความต้องการของนักลงทุนเป็นหัวใจหลัก โดยไม่เข้าแข่งขันในตลาดเพื่อการเติบโตขององค์กรอย่างเดียว
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา DW13 จึงทุ่มเทและทุ่มทุนในการศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ DW ทุกจุดให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน ทั้งการออก DW เงื่อนไขดี อัตราทดสูง และครอบคลุมหุ้นอ้างอิงมากที่สุดในตลาด ที่สำคัญ DW13 ยังลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระบบคอมพิวเตอร์และการเชื่อมต่อตารางราคา DW ที่ทั้งแม่นยำและรวดเร็ว
ขณะเดียวกันยังมุ่งให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ DW และให้บริการนักลงทุนผ่านการทำหน้าที่ผู้ดูแลสภาพคล่องอย่างเต็มที่
“เพราะการลงทุนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”
การสร้างกำไรท่ามกลางความผันผวนต้องใช้คำของพี่ติ๊กที่ว่า #เพราะการลงทุนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ดังนั้นนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มศึกษา DW ควรทำความเข้าใจลักษณะการขึ้นลงของราคา DW เทียบกับหุ้นอ้างอิงก่อน เพราะจะเข้าใจถึงโอกาสในการทำกำไร และความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
เริ่มแรกต้องดูตารางราคาของ DW ที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการขึ้นลงของราคา สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.thaiwarrant.com ซึ่งแสดงตารางราคาของ DW ทุกตัวในกระดาน
สำหรับนักลงทุนที่อยากจะเริ่มต้นเทรด DW13 มีคำแนะนำง่ายๆ ในการเริ่มต้นไว้ 3 ข้อด้วยกัน
1. ควรเริ่มจากเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก เพื่อศึกษาแนวทางในการเทรด
2. ต้องให้ความสำคัญกับหุ้นอ้างอิง โดยนักลงทุนควรเลือกหุ้นอ้างอิงขนาดใหญ่ก่อนในระยะแรก เพราะราคาหุ้นจะไม่ผันผวนมาก
3. เลือกเล่น DW ที่มีอายุไม่สั้นเกินไป (อย่างน้อย 2 เดือน) เพราะ DW อายุสั้นไปราคาจะแกว่งตัวขึ้นลงรุนแรงมาก
แต่การลงทุน DW ยิ่งต้องปรับตัวตามสถานการณ์ ทาง DW13 มีเทคนิคและคำแนะนำ 3 ข้อ ที่จะช่วยให้เริ่มต้นลงทุนง่ายขึ้น ได้แก่
1. แหล่งที่มาของข้อมูล: เมื่อสถานการณ์โควิด-19 อาจไม่คลี่คลายไปง่ายๆ นักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของข้อมูลให้มากขึ้น โดยบางช่องทางอาจให้ข้อมูลไม่ครบทุกด้าน หรือบางแหล่งมีการบิดเบือนข้อมูล หากนักลงทุนนำไปใช้ในการตัดสินใจลงทุน DW อาจเกิดความเสียหายได้
2. เรียนรู้การใช้ค่า Indicator สากลต่างๆ: นอกเหนือจากการติดตามข่าวสาร การศึกษาค่า Indicator ที่เป็นตัวชี้วัดต่างๆ จะช่วยให้นักลงทุนประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีขึ้น เช่น จากเดิมที่วิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงของสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกด้วยตนเอง เพื่อประเมินว่านักลงทุนต่างประเทศกลัวต่อสถานการณ์มากน้อยแค่ไหน นักลงทุนสามารถใช้ค่า VIX Index เป็นเครื่องสะท้อนความกลัวนี้แทนได้ดีกว่า หรือถ้าต้องการประเมินว่าสถานการณ์ของประเทศสหรัฐฯ เป็นอย่างไร สามารถติดตามค่า USD Index หรือ US Bond Yield ซึ่งเป็นค่าที่สะท้อนออกมาได้ดีกว่า
3. ให้ความสำคัญกับดัชนี SET50: DW13 มองแนวโน้มว่าปลายปี 2563 ตลาดหุ้นจะผันผวนตามข่าวสารที่มาจากต่างประเทศมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ ดังนั้นอาจทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตามตลาดต่างประเทศ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการเทรด DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 เพราะดัชนี SET50 เป็นดัชนีที่สามารถซื้อขายได้ และสะท้อนภาพตลาดหุ้นไทยได้ดีที่สุด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์