×

ศึกสายเลือด DUSIT กรณีศึกษา ‘แบ่งมรดกเท่าเทียม’ แต่กลายเป็นจุดตายของธุรกิจในยุคถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่

29.05.2025
  • LOADING...
ดุสิตธานี

ดุสิตธานี (DUSIT) อาณาจักรธุรกิจโรงแรมเก่าแก่ของไทย เผชิญความปั่นป่วนจากความขัดแย้งภายในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งเป็นทายาทของผู้ก่อตั้งธุรกิจที่ดำเนินการมาเกือบ 80 ปี

 

จนทำให้ธุรกิจทั้งเครือเสี่ยงจะต้องหยุดชะงัก รวมถึงเมกะโปรเจกต์ของบริษัทมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ที่ใกล้จะเปิดอย่างเป็นทางการภายในปีนี้

 

ต้องเท้าความก่อนว่า บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 49.74%

 

และภายใต้ ชนัตถ์และลูก นี้เอง ก็ถูกแบ่งสันปันส่วนถือหุ้นร่วมกันระหว่าง 3 พี่น้องที่เป็นทายาทของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง DUSIT เมื่อปี 2491 ได้แก่

 

  1. กลุ่มตระกูลโทณวณิก ถือหุ้นรวม 26.66% โดย ชนินทธ์ โทณวณิก บุตรชายคนโต ถือหุ้น 25.40% ส่วนที่เหลือเป็นของณัฐพร ศิรินันท์ และ ศิรเดช โทณวณิก ถือคนละ 0.42%
  2. กลุ่มตระกูลเธียรประสิทธิ์ ถือหุ้นรวม 26.65% โดย สินี เธียรประสิทธิ์ บุตรสาวคนกลาง ถือหุ้น 26.57% ส่วนที่เหลือเป็นของณัฐสิทธิ พัฒนีพร ลลิตา และ ภมรศักดิ์ เธียรประสิทธิ์
  3. กลุ่มตระกูลสาลีรัฐวิภาค ถือหุ้นรวม 21.68% โดย สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค บุตรสาวคนเล็ก ถือหุ้น 21.62% ที่เหลือเป็นของชลิตา ภัทรพรรณ ภัทรพร และ ภัทร สาลีรัฐวิภาค
  4. และที่เหลืออีก 24.99% เป็นสัดส่วนของกองมรดกของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย

 

ปมร้าวลึกที่เกิดขึ้นระหว่าง 3 พี่น้อง คือ ชนินทธ์, สินี และ สุนงค์ ซึ่งเป็นทายาทของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย จนนำมาสู่ความขัดแย้งครั้งนี้ อาจยากที่เราจะรู้เท็จจริงของสาเหตุความขัดแย้งทั้งหมด

 

แต่ก็มีการคาดเดากันบ้างว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลการดำเนินงานของ DUSIT ในช่วงที่ผ่านมาที่ไม่เป็นที่น่าพอใจนัก และผู้ที่ถูกมองว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบก็คือ ชนินทธ์ ในฐานะรองประธานกรรมการของ DUSIT

 

ความขัดแย้งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกรรมการของ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย ชนินทธ์ ถูกโหวตให้ออกจากการเป็นกรรมการ ขณะที่มีการแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่ 2 คน คือ ภัทร สาลีรัฐวิภาค และ ลลิตา เธียรประสิทธิ์

 

เท่ากับว่าพี่ชายคนโตอย่างชนินทธ์หมดอำนาจในการจัดการบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ขณะที่ตระกูลของน้องสาวอีกสองคนขึ้นมามีอำนาจในการตัดสินใจในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DUSIT ผ่านบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด แทนที่

 

จนเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สิ่งที่หลายฝ่ายไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น คือ การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ตัดสินใจโหวตไม่อนุมัติงบการเงินประจำปี 2567 ในการประชุมผู้ถือหุ้นของ DUSIT เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งที่ผ่านการตรวจสอบ และลงนามรับรองโดยผู้สอบบัญชีแล้ว และทำให้บริษัทไม่สามารถส่งงบไตรมาส 1 ปี 2568 ได้ทันตามกำหนด

 

แบ่งหุ้นเท่าๆ กัน จุดตายของธุรกิจ

 

แหล่งข่าวในวงการบริหารจัดการมรดกและจัดการทรัพย์สินครอบครัว มองว่า หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นภายใต้ความขัดแย้งครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ที่มีความใกล้เคียงกันมากเกินไป

 

ไม่เพียงแค่ DUSIT เท่านั้น แต่กับอีกหลายๆ ธุรกิจที่มักจะมีปัญหาและกลายเป็นจุดตายของธุรกิจคือการตัดสินใจส่งต่อมรดก โดยเฉพาะการจัดสรรการถือหุ้นในธุรกิจให้กับทายาทในสัดส่วนเท่าๆ กัน หรือเกือบจะเท่ากัน ส่งผลให้อำนาจในการบริหารมักจะถูกสั่นคลอนได้ง่าย เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

 

“การแบ่งหุ้นในลักษณะเช่น ลูก 3 คน แบ่งกันไปคนละ 1 ส่วน ฟังดูเหมือนจะยุติธรรม แต่วิธีการนี้มักจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ได้”

 

การบริหารเรื่องของมรดกให้ดีนั้น จริงๆ ควรจะแบ่งตามความสามารถ และอธิบายเหตุผลให้ชัดเจนตั้งแต่แรก หรือในบางครอบครัวอาจจะใช้วิธีการแบ่งการถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจให้กับคนที่บริหารเก่งที่สุด สามารถเป็นได้ทั้งทายาทคนโต คนกลาง หรือคนเล็ก ขึ้นกับความสามารถ ส่วนคนที่ได้สัดส่วนในธุรกิจน้อยกว่าก็อาจจะได้มรดกอย่างอื่นไปเพิ่มเติม หากต้องการให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด

 

ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในช่วงที่ถูกเรียกว่า The Great Wealth Transfer หรือช่วงที่เจ้าของความมั่งคั่ง โดยเฉพาะจากรุ่น Baby Boomer ต้องส่งต่อความมั่งคั่งไปสู่ Gen X และ Gen Y หรือกลุ่ม Millennials ทำให้การวางแผนการส่งต่อมรดก ความมั่งคั่ง รวมถึงธุรกิจมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

 

ปลดล็อก ‘ดุสิตธานี’ หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวตั้งผู้สอบบัญชี ไม่โดนแขวน SP ลุยทำธุรกิจได้ตามปกติ

 

แม้ปัญหาจะยังไม่ได้ถูกสะสาง 100% และเกิดความกังวลว่าจะกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท แต่ล่าสุดปัญหาส่วนใหญ่ดูเหมือนได้การแก้ไขปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว

 

โดยเฉพาะประเด็นที่สำคัญที่หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติให้อนุมัติการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีเรียบร้อยแล้ว สามารถส่งงบการเงินงวดไตรมาสแรกของปี 2568 ได้ตามปกติ แม้งบการเงินปี 2567 จะไม่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น DUSIT แต่ไม่ได้มีประเด็นที่ผู้สอบบัญชีการไม่แสดงความเห็น ซึ่งสะท้อนว่า DUSIT ไม่ได้มีปัญหาในประเด็นของงบการเงินแต่อย่างใด

 

ดังนั้น หุ้นของ DUSIT ยังสามารถทำการซื้อ-ขายได้ตามปกติ และจะไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP หรือห้ามการซื้อ-ขายชั่วคราวตามที่เคยกังวลก่อนหน้านี้ 

 

ส่วนกรณีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่อนุมัติให้กรรมการที่พ้นวาระทั้ง 4 ท่าน กลับเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการของ DUSIT ต่อ ได้แก่

  1. อาสา สารสิน ประธานกรรมการ
  2. ปราณี ภาษีผล กรรมการอิสระ
  3. ภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ กรรมการอิสระ
  4. สมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการอิสระ

 

ในประเด็นนี้จะไม่ผลกระทบต่อการดำเนินงานของ DUSIT ในปัจจุบัน เนื่องจาก DUSIT ยังมีจำนวนกรรมการที่เหลือเป็นจำนวนที่มากเพียงพอเป็นไปตามข้อกำหนด ข้อบังคับของบริษัท รวมทั้งกฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกำหนดไว้ ส่งผลให้ธุรกิจของ DUSIT ยังดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ จึงไม่มีผลกระทบต่อทีมบริหารของ DUSIT ยังสามารถบริหารจัดการได้ปกติ

 

แน่นอนว่าปมความขัดแย้งระหว่างพี่น้องหรือคนในตระกูลเดียวกัน อย่างที่เกิดขึ้นกับ DUSIT ไม่ใช่กรณีแรก และก็มีให้เห็นมาก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้ง และในอนาคตเราก็อาจจะยังเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นได้อีก แต่เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ลง การพูดคุยกันภายในครอบครัว รวมทั้งการวางแผนการส่งต่อธุรกิจ หรือมรดกต่างๆ จึงเป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญอย่างมากในทุกยุคทุกสมัย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising