×

ดุสิตธานีแจ้งงบไตรมาส 2 ปีนี้ ขาดทุนลดลง 27% ยืนเป้ารายได้ปีนี้โต 30-35% รับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น ธุรกิจอาหารโตต่อเนื่อง

16.08.2023
  • LOADING...

‘ดุสิตธานี’ รับรู้การฟื้นตัวที่ชัดเจนของการท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลก ดันผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ EBITDA เพิ่มขึ้น 157.4% หลังรายได้ธุรกิจโรงแรมเติบโต 31.5% ประเมินครึ่งปีหลังแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับเป้ารายได้ปีนี้คาดการณ์ขยายตัว 30-35%

 

กลุ่มดุสิตธานีเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/66 มีผลขาดทุนสุทธิ 186 ล้านบาท ลดลง 27.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 258 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ซึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงาน 139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกันงวด 6 เดือน ที่ EBITDA อยู่ที่ 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 88.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากธุรกิจโรงแรมได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของการท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลก และยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง สอดคล้องกับเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เติบโต 30-35%

 

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนของปีนี้ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวที่รวดเร็วและชัดเจนของการท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลก ทำให้ผลขาดทุนสุทธิปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่อ่อนตัวลงจากกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เนื่องจากการลดลงของธุรกิจโรงแรม อันเนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาล (Low Season) 

 

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานที่สะท้อนผ่าน EBITDA ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้น 157.4% จากช่วงเดียวของปี 2565 และงวด 6 เดือนที่เพิ่มขึ้น 88.9% โดยสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม และจากการเติบโตของธุรกิจอาหารตามแผนกลยุทธ์ด้านการขยายการเติบโตและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ

 

“ในไตรมาส 2 ของปีนี้ รายได้จากธุรกิจโรงแรมเติบโต 31.5% จากรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่เพิ่มขึ้น 24.9% ซึ่งเป็นผลจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น และเป็นผลสำเร็จจากการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องเฉลี่ย ขณะที่ธุรกิจอาหารมีรายได้เพิ่มขึ้น 65.7% จากการฟื้นตัวของธุรกิจการให้บริการจัดการอาหารแก่โรงเรียนนานาชาติ หลังจากโรงเรียนกลับมาดำเนินการเรียนการสอนตามปกติ (On-site) และจากการลงทุนในธุรกิจผลิตเบเกอรีและแฟรนไชส์ร้านขนมอบ ที่เราลงทุนไปตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/65” ศุภจีกล่าว 

 

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ของปีนี้ กลุ่มดุสิตธานีเปิดโรงแรมเพิ่มเติมอีก 3 แห่งในรูปแบบของการรับจ้างบริหาร ได้แก่ โรงแรมดุสิตดีทู สามย่าน กรุงเทพ จำนวน 179 ห้อง, โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ สาทร จำนวน 106 ห้อง และโรงแรมอาศัย เกียวโต ชิโจ ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 114 ห้อง ทำให้บริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหารจัดการรวมเป็น 52 แห่ง สำหรับธุรกิจบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรูภายใต้แบรนด์ Elite Havens ยังคงปรับพอร์ตโฟลิโอเพื่อเน้นคุณภาพและเพิ่มอัตราผลตอบแทน โดย ณ ไตรมาส 2/66 บริษัทมีโรงแรมและวิลล่าภายใต้การบริหารจัดการรวม 282 แห่ง ห้องพัก 12,080 ห้อง ใน 18 ประเทศ 

 

นอกจากนี้ ล่าสุดกลุ่มดุสิตธานียังได้เดินหน้าสู่ความยั่งยืนด้วยการเปิดตัวโครงการ ‘ทรี ออฟ ไลฟ์’ (Tree of Life) ที่ประกอบด้วยเกณฑ์ 31 ข้อที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติและเป้าหมายเฉพาะของธุรกิจ โดยหน่วยงานที่สามารถปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับใบไม้เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ ซึ่งแบ่งเป็น 4 ระดับ ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในระดับปฏิบัติการให้ได้มากที่สุด โดยจะเริ่มจากกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตทั่วโลกก่อน จากนั้นจะขยายผลไปยังหน่วยธุรกิจอื่นๆ ภายใต้กลุ่มดุสิตต่อไป

 

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2566 บริษัทยังมีมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม แม้ว่ายังมีปัจจัยท้าทายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่ก็ยังเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ทำให้ธุรกิจโรงแรมยังเติบโตได้ดี และรายได้จะกลับมาสูงกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 

 

ขณะที่ธุรกิจอาหารยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ของธุรกิจให้บริการจัดการอาหารแก่โรงเรียนนานาชาติ และการขยายสาขาของธุรกิจแฟรนไชส์ร้านขนมอบ ในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น การก่อสร้างของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คได้คืบหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยในเดือนกรกฎาคมมียอดขายประมาณ 65% ของพื้นที่ขาย จากเป้าหมายการขายในปีนี้ที่ 70-75% 

 

ส่งผลให้บริษัทยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้รวมจากธุรกิจปัจจุบันไว้ที่ประมาณ 30-35% จากปี 2565 และคาดว่าอัตรา EBITDA ปี 2566 จะมีค่าประมาณ 15-18% ของรายได้รวม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X