วันนี้ (13 มิถุนายน) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีความมั่นใจของคนไทยต่อการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,450 คน สำรวจวันที่ 7-10 มิถุนายน 2564 โดยร้อยละ 66.87 เห็นว่าการกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาตินั้นเป็นเรื่องที่ควรดำเนินการโดยเร่งด่วน ขณะที่ประชาชนร้อยละ 36.36 ไม่ค่อยมั่นใจต่อการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนของรัฐบาล
นอกจากนั้นร้อยละ 57.61 คิดว่าการตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 50 ล้านคน ครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 ไม่น่าจะสำเร็จ ส่วนร้อยละ 77.87 มองว่าปัจจุบันปัญหาการฉีดวัคซีนคือจำนวนวัคซีนไม่เพียงพอ ไม่หลากหลายยี่ห้อ ขณะที่ร้อยละ 78.74 เห็นว่าต้องนำเข้าวัคซีนให้มากขึ้น ทั้งนี้ร้อยละ 34 ไม่เห็นด้วยกับวัคซีนทางเลือกที่ประชาชนต้องจ่ายเงินเอง และร้อยละ 37.38 ไม่สนใจจะจองวัคซีนทางเลือก
ขณะที่ ผศ.ดร.ฐิตินาถ สุคนเขตร์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า การกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ เพราะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ลดความรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิต แต่การที่ประเทศไทยจะสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและทันเวลา การกระจายวัคซีนในพื้นที่ต่างๆ ให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย และความพร้อมในการฉีดวัคซีน
“การที่รัฐบาลมีการติดตามอาการข้างเคียงจากการรับวัคซีน ตลอดจนการช่วยเหลือทางการเงินเบื้องต้นกรณีได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนนั้น ก็เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การนำเข้าวัคซีนทางเลือกขององค์การเภสัชกรรมร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนก็ทำให้ประชาชนมีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น และยังเป็นการช่วยรัฐบาลในการกระจายวัคซีนสู่ประชาชนที่สนใจและมีกำลังซื้อ เพิ่มโอกาสในการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น” ผศ.ดร.ฐิตินาถกล่าว
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ