สัญญาณเตือนภัยสำหรับเกษตรกรและผู้ส่งออกทุเรียนไทยเริ่มดังขึ้นชัดเจน เมื่อศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่า ราคาทุเรียนสดที่เคยสูงลิ่วในอดีตกำลังเข้าสู่ช่วง ‘ขาลง’ อย่างน่ากังวล
ทำไมราคาทุเรียนถึงไม่ฟื้น?
หากย้อนดูปี 2568 ราคาทุเรียนไทยร่วงลงไปอยู่ที่ 92.5 บาท/กก. (ลดลงถึง 16%) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ราคาหลุดเพดาน 100 บาท สาเหตุหลักมาจากผลผลิตที่ทะลักออกมาถึง 1.59 ล้านตัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เป็นใจจากปรากฏการณ์ลานีญา
สำหรับปี 2569 สถานการณ์ยังคง ‘ทรงกับทรุด’ คาดว่าราคาจะลดลงอีก 2.7% ไปอยู่ที่ 90 บาท/กก. ส่งผลให้รายได้เกษตรกรมีแนวโน้มลดลง 0.7% และภาพรวมมูลค่าการส่งออกอาจติดลบ 1.8% มาอยู่ที่ราว 3,705 ล้านดอลลาร์ฯ
‘ไทย vs เวียดนาม’ สงครามที่ไทยเริ่มเสียเปรียบ
แม้ทุเรียนไทยจะยังครองแชมป์ในแง่ ‘คุณภาพและรสชาติ’ แต่คู่แข่งอย่างเวียดนาม
กำลังใช้กลยุทธ์ ‘ถูกและเร็ว’ เข้ากดดันอย่างหนัก

นอกจากเวียดนามแล้ว ไทยยังต้องรับมือกับ ‘คู่แข่งหน้าใหม่’ ที่ทยอยได้รับอนุญาตให้นำเข้าจีน ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย รวมถึงกัมพูชาและ สปป.ลาว ที่เตรียมจะรุกตลาดในปีหน้า
เปิดลายแทงมณฑลจีน ตรงไหน ‘รุ่ง’ ตรงไหน ‘ร่วง’?
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์โอกาสของทุเรียนไทยในตลาดจีนไว้ 3 ระดับ :
- มณฑลศักยภาพสูง (ต้องรักษาไว้): กวางตุ้ง ยูนนาน และเจ้อเจียง เป็นพื้นที่คนรวย ประชากรเยอะ และยังนิยมทุเรียนไทยมากกว่าเวียดนาม
- มณฑลท้าทาย (ไทยเริ่มเสียเปรียบ): กว่างซีจ้วง เนื่องจากเป็นพื้นที่รายได้ไม่สูงนัก ทุเรียนเวียดนามที่มีราคาถูกกว่าจึงครองตลาดได้ดีกว่าไทย
- มณฑลโอกาสใหม่: เสฉวน แม้ตอนนี้นำเข้าไม่มาก แต่ไทยนำเวียดนามอยู่ถึง 129.9% และมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา
นอกจากเรื่องคู่แข่งแล้ว เกษตรกรไทยยังต้องเผชิญกับ มาตรฐานนำเข้าของจีนที่เข้มงวดขึ้น ทั้งการตรวจสารตกค้างอย่างแคดเมียม และการขึ้นทะเบียนสวนที่ทำให้ต้นทุนขยับสูงขึ้น รวมถึงภัยแล้งจาก เอลนีโญ ในครึ่งปีหลังของ 2569 ที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งปริมาณและคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน/แก่) ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในโลกการค้ายุคใหม่
ยุคที่ทุเรียนราคาพุ่งเกินร้อยบาทต่อกิโลกรัมอาจกลายเป็นเพียงความทรงจำ หากไทยไม่เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และรักษามาตรฐานคุณภาพให้คงที่ท่ามกลางพายุการแข่งขันที่ถาโถมจากรอบทิศทาง


