วันนี้ (20 ธันวาคม) สืบเนื่องจาก นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 2167/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญ, แต่งตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญกับ ตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ และพวก ผู้ต้องหาฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาอี, เฮโรอีน) อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า, อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐฯ, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ
โดยคณะทํางานดังกล่าวประกอบด้วย
- อัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคณะทํางาน
- ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน
- สมเกียรติ คุณวัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทํางาน
- ร.ต.ท. อุทัย อาทิเวช รองอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน
- ศุภชัย นิพิธกุล ที่ปรึกษาอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน
- เลขานุการอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน
- อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน
- ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นคณะทำงาน
- อธิบดีอัยการสํานักงานการสอบสวน เป็นคณะทำงานและเลขานุการ
สำหรับความคืบหน้าดังกล่าวมีรายงานว่า วันนี้ เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมคณะทำงานครั้งแรกที่ห้องประชุมชั้น 9 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ
โดยมีรายงานว่า คณะทำงานจะเดินทางร่วมเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง รวมถึง พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะที่ปรึกษา และ พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ก็จะเข้าร่วมประชุมด้วย
โดยคณะทำงานดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่
- กำกับและติดตามการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนในคดีนี้ให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ
- เร่งรัดการสอบสวนและการส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ให้ทันภายในกรอบ ระยะเวลาในการควบคุมฝากขังผู้ต้องหาตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้มีระยะเวลาพอสมควรเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี
- แต่งตั้งคณะทำงานย่อย เพื่อมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้
สำหรับคณะทำงานดังกล่าวมาจากการที่ พล.ต.ท. ธิติ ได้มีหนังสือรายงานข้อมูลไปยังนารีว่า คดีดังกล่าวเข้าเงื่อนไขความผิดตามกฎหมายที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 20 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้อัยการสูงสุดหรือผู้รักษาราชการแทนเป็นพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบ หรือจะมอบหมายหน้าที่นั้นให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับผิดชอบสอบสวนแทนได้