วันนี้ (6 กันยายน) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การนำของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินหน้าสืบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เกี่ยวข้องกับการสมคบกันในความผิดฐานอั้งยี่และฟอกเงินในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
โดย DSI ได้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มการสอบสวนเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568
ทีมพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำพยานไปแล้วทั้งสิ้น 90 ปาก และจัดทำเหตุการณ์จำลองเพื่อทำความเข้าใจกระบวนการคัดเลือก สว. พร้อมทั้งรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิด นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบร่องรอยทางการเงินจนพบผู้เกี่ยวข้อง 1,200 คน
รวมถึงใช้ข้อมูลโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงของขบวนการ ซึ่งพบว่ามีผู้ช่วย สว. และ สว. เข้าไปเกี่ยวข้องใน 45 จังหวัดทั่วประเทศ ทำให้ DSI ต้องออกหมายเรียกอดีตผู้สมัคร สว. ทั้ง 1,200 ราย เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กันยายน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 เปิดเผยว่า ภาพรวมการสอบสวนพยานยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากพยานส่วนใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ มีเพียงบางส่วนที่เข้าพบพนักงานสอบสวน เช่น พยาน 2 รายจากนครราชสีมา, 5 รายจากอุบลราชธานี, และ 11 รายจากอำนาจเจริญ จากที่ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว 72 ราย โดยขณะนี้ได้ออกหมายเรียกพยานเพิ่มเติมอีก 480 ราย
พยานที่เข้ามาให้ปากคำมักให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ทราบเรื่องเส้นทางการเงิน หรือไม่รู้เห็นกับขบวนการ อย่างไรก็ตาม มีพยานบางรายจากจังหวัดหนึ่งยอมรับสารภาพว่า ตนได้รับเงินเพื่อมาลงสมัคร สว. โดยมีหน้าที่เพียงแค่ลงคะแนนให้คนอื่น ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก
ในส่วนของพยานที่ถูกออกหมายเรียก 24 รายในจังหวัดบุรีรัมย์ ล่าสุดยังไม่มีผู้ใดเข้าพบพนักงานสอบสวน ทาง DSI ระบุว่าจะไม่เร่งรัดหรือกดดัน แต่จะใช้วิธีลงพื้นที่เพื่อเข้าพบพยานอีกครั้ง รวมถึงพยานในจังหวัดอื่นที่ขอเลื่อนนัดด้วย
คณะพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า หากพยานรายใดได้รับหมายเรียกครั้งที่ 2 และยังคงขัดหมายเรียกโดยไม่มีเหตุอันสมควร ทาง DSI จะพิจารณาดำเนินคดีกับพยานในข้อหาขัดหมายเรียก แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพยานรายใด
นอกจากนี้ DSI ยังยืนยันว่าถึงแม้สถานการณ์ทางการเมืองจะมีความเปลี่ยนแปลง แต่การสืบสวนจะยังคงดำเนินไปตามพยานหลักฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ และไม่รู้สึกกังวลต่อแรงกดดันใดๆ
สำหรับความคืบหน้าของคดีฮั้ว สว. ที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นไปในลักษณะคู่ขนานกับคดีของ DSI นั้น หากทาง กกต. มีความชัดเจนในกลุ่มผู้กระทำผิด ก็จะถือเป็นพยานหลักฐานที่ช่วยเสริมความหนักแน่นให้กับสำนวนคดีของ DSI ได้อีกด้วย
คาดการณ์ว่าภายในเดือนกันยายนนี้ DSI จะสามารถทยอยสอบปากคำพยานทั้ง 1,200 รายได้แล้วเสร็จ และอาจมีการทยอยส่งฟ้องต่ออัยการในอนาคต