วานนี้ (22 ตุลาคม) ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI มอบหมายให้กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบขออนุมัติสืบสวนกรณีการประกอบธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 รวมทั้งความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
อันมีคดีมูลฐานจากข้อหาฉ้อโกงประชาชนที่พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีอยู่ และมีการประสานการปฏิบัติงานร่วมกันในการสืบสวนและติดตามทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำความผิด เพื่อส่งมอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินสำหรับเป็นทรัพย์ในการเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย ซึ่งมีการดำเนินการมาโดยต่อเนื่องนั้น
พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ติดต่อประสานแหล่งข่าว ซึ่งชี้ช่องเบาะแสที่ซ่อนทรัพย์สินของกลุ่มผู้บริหารบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ โดยพบว่า บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล นำทรัพย์สินมาซุกซ่อนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกจับกุมไม่นาน
เวลา 14.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมอบหมายให้ ปริมณ์ สาริยา ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 2 ไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอหมายค้นห้องพักแห่งหนึ่งภายในซอยรามอินทรา 9 เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ตามที่แหล่งข่าวแจ้งเบาะแส ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ตั้งของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป
ผลการตรวจค้นเบื้องต้นพบทรัพย์สินเป็นนาฬิกาหรูจำนวนหลายสิบเรือน สร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองที่มีมูลค่าอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งกระเป๋าและรองเท้าแบรนด์เนม เบื้องต้นพบว่าทรัพย์สินรวมมูลค่าหลายสิบล้านบาท จึงตรวจยึดและซีนกล่องบรรจุของกลางร่วมกับเจ้าของสถานที่ / ผู้นำการตรวจค้น นำส่งเก็บรักษาที่ส่วนควบคุมและเก็บรักษาของกลาง กองปฏิบัติการพิเศษ เพื่อนัดหมายผู้นำตรวจค้นมาตรวจนับสิ่งของโดยละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะจัดแถลงรายละเอียดการปฏิบัติหน้าที่ต่อสาธารณชนต่อไป และหากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิดหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ หมายเลขโทรศัพท์ 08 4700 1741 โดยจะเก็บข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ