วันนี้ (17 เมษายน) ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทกิจการร่วมค้า PKW รวม 4 จุด เพื่อตรวจค้นและตรวจยึดพยานเอกสาร พยานวัตถุที่เกี่ยวข้องในคดีนอมินีของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ที่ DSI รับเป็นคดีพิเศษ โดยสามารถตรวจยึดสำเนาเอกสารได้เป็นจำนวนมาก
ร.ต.อ. สุรวุฒิระบุอีกว่า จากรายชื่อวิศวกรผู้ควบคุมงานที่ปรากฏในเอกสารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รวม 51 คน ล่าสุดนอกจาก สมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่างฯ ที่มาแสดงตัวว่าถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อเป็นผู้ควบคุมงานนั้น ยังมีวิศวกรอีก 1 คนที่เข้าแสดงตัวกับ DSI แล้วว่าถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นในฐานะวิศวกรผู้ควบคุมงานลักษณะเดียวกัน รวมขณะนี้พบผู้ที่ถูกนำชื่อไปแอบอ้างในโครงการ 2 คน
ส่วนบุคคลที่เหลือที่มีชื่อปรากฏทั้งหมด พนักงานสอบสวนจะทยอยเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด โดยเบื้องต้นสอบปากคำพยานบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วประมาณ 10 ปาก และในวันนี้พรุ่งนี้พนักงานสอบสวน DSI ได้เรียกสอบตัวแทนบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด รวมทั้งผู้ถือหุ้น มาสอบปากคำ ซึ่งเป็นหมายเรียกกลุ่มผู้รับงานก่อสร้างและผู้เกี่ยวข้องรวม 7 ราย
ส่วนหมายเรียกกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี 6 ราย และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มผู้เสนอราคา 6 ราย (ไม่รวมกิจการร่วมค้า บริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ และอิตาเลียนไทยฯ) พนักงานสอบสวนจะทยอยออกหมายเรียกมาให้ปากคำระหว่างวันที่ 18 เมษายน-15 พฤษภาคมนี้
ด้าน พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษก DSI เปิดเผยว่า DSI ยังอยู่ระหว่างขยายผลสืบสวนหาตัวผู้ที่แอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นสมเกียรติว่าเป็นบุคคลใด และตรวจสอบว่าในกระบวนการต่างๆ ของการก่อสร้างตึก สตง. นี้มีวิศวกรเข้ามาเกี่ยวข้องกี่คนกันแน่ และเป็นบุคคลใดบ้าง
ส่วน พิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอายุ 85 ปี ที่มีชื่อลงนามเป็นผู้ออกแบบตึก สตง. นั้น DSI ได้ประสานไปขอความร่วมมือให้เข้าให้ข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่กำหนดวันนัดหมายแน่ชัด ว่าเจ้าตัวจะมาหรือไม่และเมื่อไร แต่เชื่อว่าพิมลอาจจะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่มาใช้ต่อกับคดีอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน
