วันนี้ (24 ตุลาคม) ที่อาคารซิโนไทย ทาวเวอร์ เลขที่ 32/28 ถนนสุขุมวิท 21 (ซอยอโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดี DSI พร้อมด้วย อังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ. กองกิจการอำนวยความยุติธรรม โดยกองกิจการยุติธรรม คณะพนักงานสืบสวนเรื่องที่ 134/2568 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเข้าพบผู้ถือหุ้น บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Prince International) เพื่อบันทึกการสอบปากคำ และรับมอบพยานเอกสารตามที่ผู้ถือหุ้นประสงค์ให้ความร่วมมือชี้แจงต่อ DSI
คณะพนักงานสืบสวน กองกิจการอำนวยความยุติธรรม จะได้สอบปากคำผู้ถือหุ้นชาวไทย 2 ราย ได้แก่ ปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ และ วุฒิชัย ประทุมวัลย์ ซึ่งจะสอบถามเกี่ยวกับที่มาที่ไปของการประกอบธุรกิจดังกล่าว และที่ผ่านมาผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงกรณีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Holding Group) หรือไม่ อย่างไร และในบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดมีใครไปถือหุ้นในบริษัทอื่นหรือไม่ เป็นบริษัทใดบ้าง
ทั้งนี้ ถ้าหากผู้ถือหุ้นรายใดให้การว่า “ตนเองเกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป” หรือ “ให้การว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป” คณะพนักงานสืบสวนก็จะบันทึกคำให้การไว้ทั้งหมด เพราะบุคคลมีสิทธิ์จะให้การอย่างไรก็ได้ เช่น ถ้าบอกว่า “เคยเกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป” พนักงานสืบสวนก็จะได้สอบถามต่อว่า “เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง จากธุรกิจใด เกิดขึ้นในห้วงเวลาใดบ้าง และตอนนี้ยังร่วมธุรกิจกันอยู่หรือไม่ ได้ไปเป็นเครือด้วยกันหรือไม่“ เป็นต้น
ส่วนถ้าหากผู้ถือหุ้นต้องการมอบพยานเอกสารใดแก่ดีเอสไอเพื่อประกอบคำให้การ ทางดีเอสไอก็ยินดีรับนำไปพิจารณาในสำนวนการสืบสวน
ทั้งนี้ บริษัท ปรินซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท ประกอบธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏชื่อ หวัง ยู่ ถัง สัญชาติจีน (ไต้หวัน) เป็นกรรมการรายเดียว นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 พบว่า งหวัง ยู่ ถัง ถือหุ้นใหญ่สุด 49%
ส่วนผู้ถือหุ้นชาวไทยอีก 3 ราย ได้แก่ พิภพ ประทุมวัลย์ ถือหุ้น 21% ปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ ถือหุ้น 20% วุฒิชัย ประทุมวัลย์ ถือหุ้น 10%
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 บริษัทมีการแจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมในปี 2565 จำนวน 1 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2 ล้านบาท ขณะที่ หวัง ยู่ ถัง เพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 และ วุฒิชัย ประทุมวัลย์ เข้ามาเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 10 เม.ย.67 แต่ปัจจุบันวุฒิชัยได้ยุติการเป็นกรรมการบริษัทแล้ว เหลือแค่ หวัง ยู่ ถัง เป็นกรรมการรายเดียว
ขณะเดียวกันวัตถุประสงค์การทำธุรกิจของบริษัทเมื่อปี 2565 ซึ่งปรากฏผ่านงบการเงิน พบว่า บริษัทแห่งนี้ ประกอบกิจการขายสินค้าตามวัตถุที่ประสงค์จากประเทศญี่ปุ่น เช่น เครื่องประดับ เครื่องนุ่งห่ม อาหารแห้ง เสื้อผ้า เป็นต้น แต่ในปี 2566 แจ้งเปลี่ยนเป็นการขายปลีกสินค้าอื่นๆ ในร้านค้าทั่วไป
จากนั้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 เปลี่ยนเป็นกิจกรรมของตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง กระทั่งวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ได้เปลี่ยนประเภทธุรกิจเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทได้มีการนำส่งงบการเงิน 3 ปีย้อนหลัง ดังนี้
– งบการเงินปี 2565 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 1,006,266 บาท หนี้สินรวม 44,000 บาท มีรายได้รวม 6,266 บาท รายจ่ายรวม 44,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 37,733 บาท
– งบการเงินปี 2566 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 729,345 บาท หนี้สินรวม 18,888 บาท รายได้รวม 10,000 บาท รายจ่ายรวม 1,261,810 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,251,810 บาท
– งบการเงินปี 2567 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 1,521,851 บาท หนี้สินรวม 5,096,157 บาท รายได้รวม 858,415 บาท รายจ่ายรวม 5,072,286 บาท ขาดทุนสุทธิ 4,284,763 บาท


