วันนี้ (16 เมษายน) ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งวัฒนะ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แถลงข่าวการควบคุมตัว กชพร สุวรรณกูฏ อายุ 39 ปี โบรกเกอร์คนสุดท้ายที่เป็นผู้ต้องหาในคดี นพ.บุญ วนาสิน ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศตั้งแต่ปีก่อน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมสอบปากคำด้วย
พ.ต.อ. ทวี พร้อม พร้อมด้วย พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI, ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดี DSI, พล.ต.ต. พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองกิจการอำนวยความยุติธรรม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า การจับกุมตัวกชพร เป็นความร่วมมือระหว่าง DSI และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนี้จะต้องสอบสวนต่อหน้าทนายความ แต่เบื้องต้นจะติดต่อให้ญาติและคนใกล้ชิดได้ทราบว่าได้นำตัวมาไว้ที่นี่แล้ว เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ พนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องไปแล้ว ซึ่ง DSI ต้องการจะจับกุมตัวผู้ต้องหาให้ได้ทั้งหมด เพราะความเสียหายมีมูลค่ามาก เบื้องต้นผู้ต้องหามีความห่วงใยลูกทั้ง 3 คน โดยหลังจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องการติดตามทรัพย์สินหลังการดำเนินคดีอาญาเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับเงินคืน
ด้าน พ.ต.ต. ยุทธนา เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการสอบปากคำผู้ต้องหา เพราะต้องรอทนายความก่อนจึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้
ด้าน ร.ต.อ.วิษณุ ระบุว่าไม่สามารถเปิดเผยประเทศต้นทางที่ผลักดันตัวผู้ต้องหากลับมาประเทศไทย ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์กระทำความผิดแบบเดียวกันกับโบรกเกอร์ที่ถูกผลักดันกลับมาจากประเทศจีนเมื่อวันที่ 7 เมษายน คือชักชวนให้ผู้เสียหายมาลงทุน ซึ่งขณะนี้มีเบาะแสของ นพ.บุญแล้ว แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ตอนนี้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ DSI ได้ทำงานบูรณาการกันอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้ ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายเชื่อมั่นว่า จะสามารถตามตัวผู้ต้องหาอีกหนึ่งรายมาดำเนินคดีให้ได้ และจะมีภาค 2 ในการขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ เพิ่มเติม อย่างแน่นอน
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความเอาผิด นพ.บุญ วนาสิน พร้อมพวก สืบเนื่องจากกรณีหลอกลวงให้ลงทุนใน 5 โครงการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ต่อมาคดีนี้ได้ถูกส่งต่อให้ DSI รับผิดชอบ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากและมีมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 300 ล้านบาท
หลังจากนั้น DSI ได้สรุปสำนวน จำนวน 342 แฟ้ม รวมเอกสารกว่า 130,000 แผ่น โดยสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาล็อตแรกได้ 13 ราย จากทั้งหมด 16 ราย และอัยการพิจารณาสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 ดีเอสไอได้ประสานตำรวจสากล ออกหมายแดงเพื่อจับกุมหมอบุญที่หนีไป กบดานประเทศจีน
กระทั่งเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ตำรวจจีนได้จับกุม ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป โบรกเกอร์สาวคนสนิทของ นพ.บุญ ได้ที่ประเทศจีน และส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย และในวันนี้จะสามารถจับกุม กชพร เพิ่ม 1 คน ทำให้ตอนนี้เหลือผู้ต้องหาตามหมายจับเพียง นพ.บุญ คนเดียว ที่คาดว่ายังหนีกบดานที่ประเทศจีน