ความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีพิเศษที่ 127/2566 หรือคดีเนื้อสัตว์เถื่อนกว่า 10,000 ตู้ (ชิ้นส่วนหมูแช่แข็ง ชิ้นส่วนวัวแช่แข็ง และตีนไก่สวมสิทธิ์) ถูกลักลอบนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย
ต่อมาได้จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย หลี่เซิ่งเจียว หรือ เฮียเก้า, สมเกียรติ อดีตเลขานุการ เฉลิมชัย ศรีอ่อน, หยางยาซุง และ นวพร เชาว์วัย ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560, พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558, ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ขณะนี้เหลือกรินทร์ (บุตรชายเฮียเก้า) ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี
วันนี้ (1 กุมภาพันธ์) พ.ต.ต. ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกันนำหมายค้นจากศาลจังหวัดนนทบุรีเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 แห่งในจังหวัดนนนทบุรี ประกอบด้วยบริษัท พีซี โฟรเซ่น จำกัด และบริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด เพื่อตรวจค้นเอกสารและพยานวัตถุต่างๆ
พ.ต.ต. ณฐพล ระบุว่า สาเหตุการเข้าตรวจค้นทั้งสองบริษัท เนื่องจากต้องสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ ซึ่งภายในอาคารบริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด ไม่พบสินค้าผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่เพราะดีเอสไอพบว่ามีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ถูกจับกุมเรื่องนำเข้าสินค้าไม่ชอบโดยกฎหมาย (ประเภทชิ้นส่วนไก่) ขนย้ายจากท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นำมาฝากแช่ไว้ที่บริษัทแห่งนี้
ส่วนผลสรุปเบื้องต้นจากการเข้าตรวจค้นบริษัท พีซี โฟรเซ่น จำกัด พบว่ามีบริษัทหลายแห่งที่ใช้บริการสถานที่เดียวกัน แต่บางบริษัทเลิกกิจการไปแล้ว อีกทั้งยังพบเอกสารสำคัญในคดีที่จะสามารถเชื่อมโยงในคดีตีนไก่สวมสิทธิ์ได้
พ.ต.ต. ณฐพล กล่าวต่อว่า ทั้งสองบริษัทที่เข้าตรวจค้นในวันนี้จะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเฮียเก้าหรือไม่จะต้องไปตรวจสอบในประเด็นนี้เช่นกัน ส่วนการประสานข้อมูลร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง
ทั้งนี้ดีเอสไอจะยังไม่มีการเชิญข้าราชการรายใดในกระทรวงเกษตรฯ มาสอบปากคำ อีกทั้งในการเข้าตรวจค้นวันนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาแก่บุคคลหรือนิติบุคคล มีเพียงการตรวจสอบเอกสาร เพราะทั้งสองบริษัทได้ให้ความยินยอมมอบเอกสารแก่ดีเอสไอเพื่อแสดงความบริสุทธิ์