วันนี้ (29 พฤศจิกายน) พ.ต.ต. ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคดีจับกุมขบวนการนำเข้าหมูเถื่อน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกประชุมติดตามคดีหมูเถื่อน
ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติให้ขยายผลคดีพิเศษออกไป 10 คดี ในจำนวนนี้มี 9 คดี ที่ขยายผลมาจากการจับกุมบริษัทขนส่ง 10 บริษัท ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นการสืบสวนต่อว่าบริษัทเหล่านี้ได้กระจายหมูเถื่อนไปที่ไหนบ้าง และวันนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา 1 คน ซึ่งเป็นนายทุนอีก 1 บริษัท มาให้ปากคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่าบริษัททั้ง 10 ได้นำเข้าหมูเถื่อนทั้งหมด 2,388 ตู้ ตั้งแต่ปี 2564 จนภายหลังกรมศุลกากรได้พบว่ามีหมูเถื่อนตกค้าง 161 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
พ.ต.ต. ณฐพล กล่าวต่อว่า กรณีที่มีมติการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ย้าย พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการทำคดีหมูเถื่อน เพราะพนักงานสอบสวนได้มีการวางแนวทางเอาไว้อยู่แล้ว ยืนยันจะทำตามขั้นตอน
นอกจากนี้ได้รับรายงานจากกรมศุลกากรว่า เจ้าหน้าที่พบหมูเถื่อนอีก 16 ตู้ ตกค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง นอกเหนือจากจำนวน 161 ตู้ ที่พบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นของบริษัทใด และมีขนส่งรายใดเป็นผู้สั่งนำเข้ามา
มีรายงานว่าคดีหมูเถื่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมจะรับเป็นคดีพิเศษเพิ่มนั้น เกี่ยวข้องกับกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่ลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเป็นจำนวนมาก และยังไม่เคยถูกจับกุมมาก่อน โดยเป็นการขยายผลจากเส้นทางการเงิน และมีพยานบุคคลเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการใหญ่กว่าคดีก่อนหน้านี้
มีข้อมูลว่าองค์กรนี้ได้นำเข้าหมูเถื่อนมาแล้วหลายพันตู้ โดยมีบริษัทเอกชนหลายราย เจ้าหน้าที่รัฐ และข้าราชการประจำหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งรวมไปถึงมีนักการเมืองระดับประเทศอักษรย่อ ป. เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง คอยทำหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้กับองค์กรนี้ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมดำเนินคดี
สำหรับองค์กรนี้พบว่ามีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมาตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ส่งผลให้เนื้อหมูขาดตลาด