วันนี้ (12 พฤศจิกายน) นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยกล่าวถึงภาพรวมการแพร่ระบาดโควิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครยังคงน่าเป็นห่วง เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ที่ 700-800 รายต่อวันมากว่าสัปดาห์แล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้น จึงฝากเน้นย้ำไปยังประชาชนและสถานประกอบการให้ยังคงเข้มงวดมาตรการทางสาธารณสุข โดยเฉพาะมาตรการ COVID-FREE Setting
นพ.อุดมยังขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่ลังเล โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งตามเป้าหมายต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 70% โดยตั้งเป้า 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ แต่ขณะนี้จะเร่งดำเนินการให้ได้ภายสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากเหลือประชาชนที่ต้องรับวัคซีนเข็มที่ 1 เพียง 5.2 ล้านคน ก็จะครบ 70% และในเดือนธันวาคมจะฉีดวัคซีนครอบคลุม 80% ซึ่งมากกว่าเป้าหมาย จึงเป็นเหตุผลให้ทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะอยากให้คนไทยทุกคนเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ภายใต้การปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม นพ.อุดมแสดงความเป็นห่วงคลัสเตอร์งานประเพณีอย่างงานบุญกฐิน งานศพ ซึ่งมีคลัสเตอร์เกิดขึ้นใหม่หลายหลายจังหวัด เช่นเดียวกับประเพณีลอยกระทง ที่จะมีการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ขอย้ำให้ประชาชนระมัดระวังในทุกการจัดกิจกรรมอีเวนต์ใหญ่
ส่วนกรณีการลดขั้นตอนเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อาจจะมีความเป็นไปได้ว่านักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องจองโรงแรม 1 คืนเพื่อรอผล RT-PCR โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เรียนรู้วิธีจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นที่ศึกษามาแล้วว่าสามารถวิเคราะห์ผลได้ใกล้เคียงกับการทำ RT-PCR กว่า 98% และรอผลการตรวจเพียง 30 นาที ค่าใช้จ่ายการตรวจเพียง 50 บาทต่อครั้ง โดยเครื่องนี้ได้นำเข้ามาใช้ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีแล้ว 4 เครื่อง และอาจเป็นแนวทางที่จะพิจารณาใช้ในการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศต่อไป
นอกจากนี้ นพ.อุดมยังยืนยัน รัฐบาลจะให้สถานบันเทิงกลับมาเปิดบริการอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ในช่วงปีใหม่ อาจจะเป็นหลังจากนั้น เนื่องจากสถานบันเทิงมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคและควบคุมได้ยาก เกรงว่าหากเปิดแล้วประชาชนจะไม่ได้เฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่ เพราะมีบทเรียนที่เกิดขึ้นจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงมาแล้วหลายครั้ง
“ตอนนี้เราก็จะพยายาม เพราะคงเปิดแน่ เพียงแต่ว่าขอให้ได้มีการเตรียมการก่อน เพื่อให้ทางสาธารณสุขและทางกรุงเทพมหานครได้ไปตรวจสถานที่ ซึ่งผมคิดว่าก็อาจจะหลังปีใหม่ เพราะถ้าเปิดก่อนปีใหม่ ผมกลัวว่าเดี๋ยวปีใหม่เราจะไม่ได้เลี้ยงฉลอง เพราะเรามีบทเรียนกันมา 2 รอบแล้วที่เกิดคลัสเตอร์ใหญ่จากสถานบันเทิง ดังนั้น ผมคิดว่าใจเย็นๆ กันนิดหนึ่ง อย่างไรเราให้เปิดแน่นอน เพียงแต่ขอให้เตรียมสถานที่ เตรียมมาตรการกันให้พร้อม เพื่อให้เราปลอดภัยกันมากที่สุด เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ว่ากันหรอก เรื่องผับ บาร์ คาราโอเกะ อย่างไรเราก็ต้องเปิด และอาจจะต้องให้มีมาตรฐาน SHA+” นพ.อุดมกล่าวในที่สุด