วันนี้ (13 กันยายน) ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมด้วยนักศึกษา แพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน ยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถึงประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา โจเซฟ อาร์. ไบเดน จูเนียร์ เพื่อขอบคุณที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาบริจาควัคซีนโรคโควิด ยี่ห้อ Pfizer ให้กับประเทศไทยจำนวน 1.5 ล้านโดส พร้อมขอให้พิจารณาช่วยเหลือวัคซีนเพิ่มเติม สำหรับนำไปฉีดให้กับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน
.
นพ.ทศพรยังได้ระบุถึงเหตุผลที่นำมาสู่การยื่นขอความช่วยเหลือในครั้งนี้เพิ่มเติม โดยตนมองว่าการดำเนินของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนให้กับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน เป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้เด็กทุกคนไม่สามารถออกไปเรียนยังสถานศึกษาได้ ต้องหวังพึ่งการเรียนออนไลน์เพียงอย่างเดียว ซึ่งบางครอบครัวก็มีข้อกำหนด รวมถึงได้รับผลกระทบมากมาย อาทิ อุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษาไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งเด็กยังขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกด้วย เพราะฉะนั้นการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลควรตระหนัก ซึ่งนอกจากการได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนแล้ว เด็กนักเรียน นักศึกษา และเยาวชนทุกคน ควรมีสิทธิ์เลือกชนิดวัคซีนเองได้ด้วย ไม่ใช่การมัดมือชก
ทั้งนี้ นพ.ทศพรและกลุ่มแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน ยังเดินทางไปยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ถึงนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐแคนาดา จัสติน ทรูโด เพื่อขอความช่วยเหลือสนับสนุนวัคซีนโรคโควิดด้วย
โดยได้กล่าวชื่นชมสหพันธรัฐแคนาดา ต่อการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ที่สามารถทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพด้านสาธารณสุข และมองเห็นถึงความสำคัญของประชาชนเป็นอันดับแรก
อีกทั้งปัจจุบันประเทศไทยยังถูกปกครองโดยรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจากคณะรัฐประหาร ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยโดยแท้จริง ประชาชนชาวไทยได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารงานภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิดที่ไม่มีประสิทธิภาพ และวัคซีนที่รัฐบาลจัดฉีดให้ประชาชนเป็นวัคซีนที่ด้อยประสิทธิภาพ
ขณะนี้ประเทศไทยมีนักเรียนในโรงเรียนจำนวน 7,330,830 คน และมีนักศึกษาจำนวน 1,522,999 คน ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ใด้รับการฉีดวัคซีน จากเหตุผลข้างต้นจึงเป็นสาเหตุของการเข้าขอความช่วยเหลือในครั้งนี้