สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กางโรดแมป 5 ปี เดินหน้าภารกิจคุ้มครองเงินฝาก ครอบคลุม Virtual Bank โดยกำหนดวงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 ธนาคาร เช่นเดียวกับเงินฝากในธนาคารปกติ
ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA เปิดเผยว่า สถาบันมีแผนปรับทิศทางการดำเนินงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงินและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย อันเป็นผลจากการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้ออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้มีการจัดตั้ง Virtual Bank เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, อังกฤษ เป็นต้น สำหรับ Virtual Bank ในประเทศไทยนั้น การฝากเงินของผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองจาก สคฝ. ตามวงเงินคุ้มครองที่กฎหมายกำหนด จำนวน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน เช่นเดียวกับการฝากเงินในธนาคารแบบดั้งเดิม
“Virtual Bank อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินฯ เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ทำให้ สคฝ. มีหน้าที่ต้องให้การคุ้มครองเงินฝากตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งต่างจากกรณีของ e-Money หรือเงินใน e-Wallet ต่างๆ ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงินฯ ทำให้เงินในส่วนนั้นไม่ได้รับการคุ้มครองจาก สคฝ.” ทรงพลระบุ
ทรงพลกล่าวอีกว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ สคฝ. จะเริ่มขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงินและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้ผู้ฝากและประชาชน โดยภายใต้แผนดังกล่าวจะประกอบไปด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย
ยุทธศาสตร์ที่ 1 พร้อมคุ้มครองผู้ฝากอย่างมีประสิทธิภาพตามพันธกิจการคุ้มครองเงินฝากด้านการจ่ายคืนและชำระบัญชี เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต กระบวนการจ่ายคืนผู้ฝากต้องสะดวกรวดเร็ว ผ่านช่องทางที่ทันสมัย ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด สถาบันฯ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองทั้ง 32 แห่ง (รายชื่อสถาบันการเงินตามเอกสารแนบ) เพื่อทดสอบการรับส่งไฟล์ข้อมูลสถาบันการเงิน ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมระบบประมวลผลข้อมูลและระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝาก
“กฎหมายระบุให้ สคฝ. ต้องจ่ายคืนเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินภายใน 30 วัน เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต แต่เรามีเป้าหมายภายในที่ต้องการจะจ่ายคืนเงินให้ได้ภายใน 7 วัน” ทรงพลกล่าว
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พร้อมสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนให้มั่นใจในระบบคุ้มครองเงินฝากและเสริมภูมิคุ้มกันด้านการเงิน โดยการสื่อสารผ่านช่องทางและวิธีที่แตกต่างให้เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงวัย รวมถึงการผนึกกำลังกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึงและสร้างการตระหนักรู้ให้กับผู้ฝากและประชาชน และการสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารกับหน่วยงานในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน (FSN) ได้แก่ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย
ยุทธศาสตร์ที่ 3 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการเตรียมความพร้อมในด้านการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน และมีการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเงินฝากเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการวิจัยและวิเคราะห์สถานการณ์เงินฝาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พร้อมพัฒนาศักยภาพองค์กรให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและมีธรรมาภิบาล ทั้งด้านบุคลากรและระบบเทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยเฉพาะระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝากและระบบปฏิบัติการภายในต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้สถาบันฯ มีความพร้อมในการดำเนินงานตามพันธกิจอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องต่อผู้ฝากและประชาชน
นอกจากนี้ สคฝ. ยังมีการเปิดเผยข้อมูลสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 พบว่ามีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 16.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 5.25 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 3.36% โดยส่วนใหญ่มาจากการพักเงินในบัญชีเงินฝากของผู้ฝากรายใหญ่และกองทุนในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน และภาคธุรกิจที่นำเงินมาพักไว้ในบัญชีเงินฝากเพื่อสร้างสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ โดยคาดว่าในปีนี้เงินฝากจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงิน
ขณะที่จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 89.66 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 3.83 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 4.46% โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของผู้ฝากบุคคลธรรมดาที่มีเงินฝากน้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนคิดเป็นสัดส่วน 98.01% (87.88 ล้านราย) ของจำนวนผู้ฝากทั้งหมด ปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีจำนวนรวม 1.37 แสนล้านบาท มีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เข้มแข็งและมั่นคง พร้อมคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก