สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นทั้ง 3 ตลาด คือดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต เปิดตลาดปรับตัวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดมาอยู่ที่ 31,000 จุด ทุบสถิติสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยเป็นผลจากความคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชุดใหม่ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายของตลาดกลับหงอยลงไปเล็กน้อย เมื่อมีรายงานกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก่อนฝ่าแนวป้องกันบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ และยึดอาคารได้สำเร็จ
เหตุวุ่นวายข้างต้นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอารักขาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาออกไปจากอาคารรัฐสภา ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการประกาศรับรองชัยชนะของโจ ไบเดนออกไป
ขณะเดียวกัน ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ยังมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนหลายพันคนใกล้ทำเนียบขาวในวันพุธ โดยย้ำว่าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมกับกล่าวหาว่าถูกขโมยผลการเลือกตั้ง แม้คณะผู้เลือกตั้งได้ลงคะแนนเสียงยอมรับว่าไบเดนคือผู้ชนะการเลือกตั้ง และจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่แล้วก็ตาม
เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มูเรียล โบว์เซอร์ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น
ในส่วนปฏิกิริยาของนักลงทุนในตลาด จนถึงขณะนี้ยังไม่วิตกกันมากนัก ยืนยันได้จากความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ที่ยังคงปิดตลาดปรับตัวในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.4% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 0.6% แต่ดัชนีแนสแด็กลดลงเล็กน้อย 0.6%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจกับหุ้นของเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำที่ขยับปรับขึ้นอีก 4.8% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นมามากกว่า 730,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ในตลาด และไล่บี้ Facebook ซึ่งมีมูลค่าตลาดราว 756,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้ามาเรื่อยๆ จนหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดของเทสลามีโอกาสที่จะแซงหน้า Facebook ภายในปีนี้
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดท่ามกลางสถานการณ์ที่กลุ่มผู้ประท้วงเข้ายึดอาคารรัฐสภาได้สำเร็จ บรรดาผู้แทนจากภาคธุรกิจได้ออกมาเรียกร้องให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ พิจารณา ‘บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25’ หรือ The 25th Amendment ซึ่งจะให้อำนาจในการปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: