เวลานี้คงไม่มีเพลงไหนเป็นที่พูดถึงได้เท่า อย่าโอน ผลงานเพลงจากโครงการรณรงค์และเผยแพร่ข้อมูลในการป้องกันภัยคุกคามจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับประชาชนโดยกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และภูมิคุ้มกัน ให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
“อย่าโอ๊น อย่าโอน”
ท่ากากบาทพร้อมคำซ้ำๆ ติดหูนี้เรียบเรียงโดย สะอาด ฤทธิ์บัณฑิต และ รัศมี สีตลวรางค์ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และขับร้องโดย อี๊ด โปงลางสะออน และ ลำไย ไหทองคำ สองนักร้องผู้เป็นที่รู้จักของคนไทยส่วนใหญ่
นักร้องเพียงสองคนอาจจะยังอิมแพ็กไม่พอ จึงได้เชิญชวนคนอื่นๆ ในวงการบันเทิง ได้แก่ ต้าวหยอง ระเบียบวาทะศิลป์, เก้า เกริกพล, แจ็คเกอรีน ผู้สื่อข่าวบันเทิง, จุ๋ม ปอยเด้ง ผู้สื่อข่าว, เจน นุ่น โบว์ วง Super วาเลนไทน์ และ ทับทิม อัญรินทร์ มาร่วมกันทำท่ากากบาทในมิวสิกวิดีโอและพูดประโยคว่า “ถ้าใครเจอสถานการณ์แบบนี้ ต้องตั้งสติ อย่าตกใจ ถึงถูกข่มขู่อย่างไร ก็อย่าโอน”
หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พล.ต.ท. กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากการตอบกลับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า “ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ คุณอย่ามาล้อเล่นกับผม ไปล้อเล่นกับคนอื่น อย่าทะลึ่ง”
ในเดือนเดียวกันนั้นเอง ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่า หากถูกหลอกให้โอนเงินไปแล้ว โอกาสได้เงินคืนจากมิจฉาชีพก็แทบเป็นศูนย์ และต้นตอของสายโทรศัพท์ที่มาจากนอกประเทศยิ่งทำให้กระบวนการตามหาตัวล่าช้ามากขึ้น
เขาเสริมอีกว่า คนไทยมีนิสัยอย่างหนึ่งคือกลัวตำรวจ กลัวเจ้าหน้าที่ มิจฉาชีพจึงใช้ช่องว่างตรงนี้ข่มขู่ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐโทรไปข่มขู่ประชาชนอยู่แล้ว นั่นไม่ใช่ขบวนการยุติธรรมที่เขาทำกัน การทำคลิปผ่านสื่อมวลชนให้ไวรัลก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนตระหนักรู้กลวิธีของมิจฉาชีพ
ถือได้ว่าเพลง อย่าโอน ก็กลายเป็นไวรัลสมใจทันทีที่เผยแพร่ออกมาจริงๆ แต่คงไม่ใช่กระแสตอบรับที่ดีเท่าไรนัก เพราะคำพูดของตำรวจในความรับรู้ของประชาชนเองก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าพึ่งพาได้ สวนทางกับตอนจบของมิวสิกวิดีโอที่ตำรวจมาในชุดจัดเต็ม ถือปืนยาวพร้อมเลเซอร์เข้าบุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก่อนจะพาเข้าตะรางได้สำเร็จ
มิหนำซ้ำยังใช้งบประมาณมาผลิตเพลงที่มีเนื้อหาวนเวียนอยู่กับการย้ำว่าอย่าถูกหลอกง่ายๆ กล่าวโทษว่าเป็นความอับอายของเหยื่อเองหากหลงโอนเงิน เช่น ความกลัวทำให้ขาดสติ, เสียเงินแล้วยังเสียใจ, ถ้าไม่อยากอับอายอย่าโอน ฯลฯ มากกว่าจะเน้นความสำคัญว่าประชาชนสามารถทำอย่างไรได้บ้างหากได้รับสายจากมิจฉาชีพ
อีกทั้งการผลิตแผ่น CD แจกสื่อ โดยมีรูป ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังชี้หน้าอยู่ พร้อมข้อความว่า ‘อย่าโอน!!’ ก็ยิ่งทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ในยุคสมัยที่ CD ไม่ได้รับความนิยมอีกแล้ว งบประมาณที่ถูกใช้ไปกับกระบวนการผลิตทั้งหมดนี้มีความจำเป็นจริงๆ หรือ?
สุดท้ายนี้ เผื่อหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ DSI มีหมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1202 และเว็บไซต์ dsi.go.th/th คอยให้คำปรึกษา ร้องเรียน และแจ้งเบาะแสข้อมูลของมิจฉาชีพ ระหว่างนี้ภาคประชาชนก็คงจะต้องคอยเตือนภัยเบอร์มิจฉาชีพ ทำท่ากากบาท และร้องเพลง อย่าโอน ไปพลางๆ จนกว่ารัฐบาลจะมีมาตรการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ให้ลดลงไปได้บ้างเสียที
ภาพ: https://www.thaigov.go.th/gallery/contents/details/8556
อ้างอิง: