หลังการพลาดได้ตัว จาดอน ซานโช ปีกพรสวรรค์ทีมชาติอังกฤษของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ได้ ก็แทบไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาจากรั้วโอลด์แทรฟฟอร์ดอีกเลย

จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย 2 สัปดาห์ก่อนที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะเริ่มต้นขึ้น (แม้ว่าพวกเขาจะได้รับอนุโลมให้ลงเล่นนัดแรกช้ากว่าเพื่อน 1 สัปดาห์ จากการที่ติดคิวไปเล่นยูโรปาลีกเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ตาม) เราเริ่มได้เห็นข่าวการตามล่าหาผู้เล่นที่น่าตื่นเต้นของแมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้ง

โดยเฉพาะข่าวการบรรลุข้อตกลงกับทางด้านอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรดังลีกดัตช์ในการคว้าตัว ดอนนี ฟาน เดอ บีค หนึ่งในกองกลางดาวเด่นประจำวงการลูกหนังดัตช์ มาร่วมทีมได้แบบแทบไม่มีข่าวหลุดออกมาก่อน ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการเจรจาที่ง่ายเหลือเชื่อ ก็สร้างความตื่นเต้นให้แก่สาวกเรดอาร์มีไม่น้อย

ตามรายงานข่าวล่าสุดทางด้านฟาน เดอ บีค ได้เดินทางมาเข้ารับการตรวจร่างกายกับว่าที่สโมสรใหม่แล้ว และหากไม่ติดขัดอะไรคาดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยอาจไม่จำเป็นต้องรอถึง 48 ชั่วโมงแบบที่แฟนบอลสมัยนี้ชอบแซวกัน

ว่าแต่ฟาน เดอ บีค คนนี้เก่งแค่ไหน เก่งอย่างไร และจะมีประโยชน์อันใดกับทีมที่มีทั้ง บรูโน แฟร์นันด์ส และ พอล ป็อกบา อยู่ในทีมแล้ว?

มิสเตอร์สารพัดประโยชน์

หนุ่มน้อยดอนนีวัย 23 ปีคนนี้เป็นผลผลิตจากระบบเยาวชนของอาแจ็กซ์ ตักศิลาลูกหนังอันเลื่องชื่อ โดยเข้ามาในระบบเยาวชนตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนที่จะค่อยๆ เติบโตไต่ระดับขึ้นมาทุกชั้น และได้ประเดิมในสนามให้ทีมชุดใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 ในเกมยูโรปาลีกที่พบกับกลาสโกว์ เซลติก

หลังจากนั้นฟาน เดอ บีค กลายเป็นหนึ่งในขาประจำของทีมที่ได้โอกาสในการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยเขาแทบจะเป็นตัวหลักของทีมตลอดตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17 ที่ลงเล่นถึง 32 นัด และทำให้มีหลายทีมที่สนใอยากได้ตัวไปร่วมทีมไม่ว่าจะเป็นท็อตแนม ฮอตสเปอร์, โรมา, บาร์เซโลนา ไปจนถึงบาเยิร์น มิวนิก

อย่างไรก็ดี ชื่อเสียงของเขาพุ่งทะยานถึงขีดสุดในฤดูกาล 2018/19 เมื่อเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของอาแจ็กซ์ชุดประวัติศาสตร์ที่สามารถทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ

ดวงไฟอาจจะโฟกัสไปที่ดาวเด่นกว่าอย่าง มัตไตส์ เดอ ลิกต์​ หรือ แฟรงกี เดอ ยอง หรือแม้กระทั่งปีกจอมพลิ้วอย่าง ฮาคิม ซิเยค แต่หากจับจ้องในรายละเอียดแล้วจะพบว่า ฟาน เดอ บีค เองก็เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

จากการทำประตูในรอบรองชนะเลิศนัดที่พบกับสเปอร์ส (ก่อนที่พวกเขาจะตกรอบแบบใจสลาย) ฟาน เดอ บีค เป็นส่วนสำคัญของทีมในการนำอาแจ็กซ์คว้าแชมป์ลีกดัตช์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี และมาถึงฤดูกาล 2019/20 เขาก็ยังคงเล่นได้อย่างน่าประทับใจ โดยทำประตูได้อีกในการเจอกับเชลซีในรอบแบ่งกลุ่ม

แม้ผลงานสถิติตัวเลขโดยรวมจะตกลงบ้าง (จาก 17 ประตู เหลือ 10 ประตู และจาก 13 เหลือ 11 แอสซิสต์ ในฤดูกาลล่าสุด) แต่ก็ยังถือว่าเป็นมิดฟิลด์ที่มีความพิเศษในตัวเองสูงมาก

จุดเด่นของฟาน เดอ บีค อยู่ตรงไหน

สิ่งที่ดีที่สุดในตัวของเขาคือความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะให้เล่นเป็นมิดฟิลด์ที่คุมจังหวะเกมตรงกลาง หรือจะขยับขึ้นไปสูง หรือจะให้รับอีกบทบาทที่เขาเองก็ถนัดไม่แพ้กันคือการเล่นเป็นมิดฟิลด์แบบ Box-to-Box วิ่งไปทั่วสนามก็ทำได้เช่นกัน

ความโดดเด่นของฟาน เดอ บีค อยู่ที่ความสามารถในการเติมเกมรุกที่มีทักษะในการหาพื้นที่และเวลาที่เหมาะสมที่จะสอดขึ้นไปช่วยเกมรุก ทำให้เป็นกองกลางคนหนึ่งที่มีสถิติในการทำประตูหรือการทำแอสซิสต์สูงมาก

แม้แต่ในเรื่องของเกมรับก็ไม่ขี้เหร่เลย โดยค่าเฉลี่ยจากจากเว็บไซต์ whoscored.com ระบุว่า ฟาน เดอ บีค มีค่าเฉลี่ยในการเข้าสกัด 2 ครั้งต่อเกม สูงเป็นลำดับที่ 4 ในทีมอาแจ็กซ์ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในทีมที่มีเขาลงคุมแดนกลางให้

แฟรงค์ เดอ บัวร์ ตำนานวงการลูกหนังดัตช์ เคยเล่าในสิ่งที่ เดนนิส เบิร์กแคมป์ อีกหนึ่งตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นอดีตผู้ช่วยกุนซือของอาแจ็กซ์ กล่าวถึงฟาน เดอ บีค ว่า “เขาเป็นเด็กที่ทำให้เดนนิสคิดถึงตัวเองในอดีต และมันทำให้ผมต้องจับตามองไปด้วย เด็กคนนั้นก็คือดอนนี”

ที่ผ่านมาภาระในแดนกลางของแมนฯ ยูไนเต็ด ตกอยู่กับ บรูโน แฟร์นันด์ส และ พอล ป็อกบา

มาเพื่อแบ่งเบาและเติมเต็ม

วัดจากผลงานช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของแมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะหลังได้ บรูโน แฟร์นันด์ส มาร่วมทีม ต้องบอกว่าแดนกลางของปีศาจแดงนั้นเริ่มค้นพบความลงตัวที่หลายทีมมีขวัญผวา

โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ฝากความหวังในแนวรุกไว้ที่แฟร์นันด์สเป็นหลัก แต่ก็ยังมีป็อกบาที่กลับมาตั้งอกตั้งใจเล่นอีกครั้งหลังเหลวไหลมาเกือบ 2 ปี นอกจากนี้ยังมี เนมันยา มาติช จอมเก๋าที่กลับมาท็อปฟอร์มในบท ‘คนแบกน้ำ’ ที่ทำให้เพื่อนสามารถเล่นกันได้อย่างอิสระ

ไม่นับจอมขยันอย่าง เฟร็ด และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่พร้อมสอดแทรกแย่งชิงตำแหน่งทุกเมื่อ

นั่นนำไปสู่คำถามสำคัญว่า แล้วอย่างนี้ฟาน เดอ บีค จะอยู่ตรงไหนได้บ้างในทีมแมนเชสเตอร์​ ยูไนเต็ด? 

คำตอบง่ายๆ คือ ได้ทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ในบทหมายเลข 10 ที่แฟร์นันด์สถือครองกรรมสิทธิ์อยู่ เพราะเขามีความสามารถมากพอที่จะเล่นได้ทุกตำแหน่งจริงๆ

ไม่ว่าโซลชาร์จะจัดทีมในระบบ 4-2-3-1 หรือจะ 4-3-3 กองกลางชาวดัตช์รายนี้สามารถสอดแทรกลงได้ทุกพื้นที่จริงๆ จะให้เล่นบทมิดฟิลด์ตัวรับคู่แบบ Double Pivot จะให้ยืนเป็นกองกลางหมายเลข 10 หรือจะให้เล่นเป็นหมายเลข 8 คอยขับเคลื่อนแดนกลาง ก็ทำได้ทั้งนั้น

ความท้าทายอยู่ในมือของโซลชาร์มากกว่าที่จะบริหารจัดการผู้เล่นอย่างไร เพราะสิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด คือการที่พวกเขาไม่มีผู้เล่นในระดับที่สามารถประคองทีมได้มากพอ ที่ผ่านมา 6-7 เดือนนั้นความหวังอยู่บนสองบ่าของแฟร์นันด์สเพียงคนเดียว ซึ่งจะสังเกตได้ว่าในช่วงปลายฤดูกาลที่ดาวเตะชาวโปรตุเกสเริ่มอ่อนล้าหนัก ผลงานของทีมก็ตกลงอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้นการเข้ามาของฟาน เดอ บีค หมายถึงการที่ทีมจะมีคนช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ ในฤดูกาลที่โปรแกรมการแข่งขันแน่นเหมือนรถไฟฟ้ายามเช้า

เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการมิดฟิลด์ที่สามารถตัดสินใจในเรื่องซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย อ่านเกมไว้ล่วงหน้า มั่นใจที่จะเล่นกับบอล และพร้อมที่จะรับการผ่านบอลจากเพื่อนเสมอ รวมถึงเป็นผู้เล่นที่ดีกว่าที่มีอยู่

ฟาน เดอ บีค ติ๊กถูกทุกข้อที่กล่าวมา และที่มากกว่านั้นคือการที่เขายังอายุน้อยมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปได้อีกไกลมากด้วย

การที่ไม่มีคู่แข่งสักทีมที่เข้ามาแย่งชิงตัวถือเป็นโชคดีสำหรับแมนฯ​ ยูไนเต็ด ที่ได้ของดีราคาไม่แพงมาครอบครอง

โอกาสจะได้มากกว่าโอกาสจะเสียสำหรับมิดฟิลด์สารพัดประโยชน์รายนี้

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

• https://www.telegraph.co.uk/football/2020/08/31/donny-van-de-beek-will-fit-alongside-pogba-fernandes-manchester/
• https://www.skysports.com/football/news/11667/11973700/donny-van-de-beek-why-do-manchester-united-want-to-sign-the-ajax-midfielder