เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จ่ายภาษีเงินได้เพียง 750 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 23,700 บาท (ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 28 กันยายน 2020) ในปี 2016 ที่เขาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และในปี 2017 ที่เข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวปีแรก
รายงานของ The New York Times ระบุว่าได้ข้อมูลบันทึกการเสียภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์และบริษัทของเขาในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาจากแหล่งข่าวที่เข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ตามกฎหมาย พร้อมทั้งกล่าวหาว่าทรัมป์นั้นไม่จ่ายภาษีเงินได้เลยในช่วง 10 ปี จาก 15 ปีหลัง พร้อมชี้ว่าข้อมูลบันทึกภาษีที่ถูกปกปิดมายาวนานนี้แสดงให้เห็นถึงความสูญเสียจากการหลบเลี่ยงภาษีของผู้นำสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นมานานหลายปี
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้รายงานข่าวดังกล่าวว่าเป็นเพียง ‘ข่าวปลอม’
“จริงๆ แล้วผมเสียภาษี และคุณจะได้เห็นทันทีที่ผมได้เงินคืนภาษี มันอยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชี และมีการตรวจสอบบัญชีมานานแล้ว” ทรัมป์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวหลังทราบถึงรายงานดังกล่าว
ทั้งนี้ทรัมป์เผชิญการฟ้องร้องทางกฎหมายต่อกรณีที่ไม่ยอมเปิดเผยเอกสารแสดงทรัพย์สินและธุรกิจ และถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 ที่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดการคืนภาษีต่อสาธารณะ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้
ขณะที่ The New York Times ยังเปิดเผยว่าได้ตรวจสอบข้อมูลการคืนภาษีที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ และบริษัทที่ The Trump Organization องค์กรธุรกิจของทรัมป์เป็นเจ้าของ ย้อนไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 รวมถึงการขอคืนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลในปี 2016 และ 2017 ซึ่งพบว่าผู้นำสหรัฐฯ นั้นจ่ายภาษีเงินได้เพียงปีละ 750 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ไม่จ่ายภาษีเงินได้เลยในช่วง 10 ปี จาก 15 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่อ้างเหตุผลการขาดทุน
ก่อนมาเป็นประธานาธิบดีนั้น ทรัมป์เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และนักธุรกิจเซเลบที่มีผู้คนรู้จัก ซึ่ง The New York Times ชี้ว่าข้อมูลภาษีที่ทรัมป์แจ้งต่อสรรพากรนั้นบ่งชี้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่มีรายได้ปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับก่อให้เกิดความเสียหายมากมายต่อรัฐด้วยการจ้างพนักงานเพื่อช่วยหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี
จากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าเขามีรายได้อย่างน้อย 434.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 แต่ The New York Times โต้แย้งว่าข้อมูลการคืนภาษีนั้นแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ขาดทุน 47.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้รายงานยังข่าวระบุว่าธุรกิจหลักส่วนใหญ่ของทรัมป์ เช่น สนามกอล์ฟ และโรงแรม แจ้งว่าขาดทุนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐมาเป็นเวลาหลายปี
“สมการดังกล่าวเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเล่นแร่แปรธาตุทางการเงินของทรัมป์ เขาใช้ความเป็นเซเลบริตี้เพื่อซื้อและประคับประคองธุรกิจที่มีความเสี่ยง จากนั้นก็ใช้การขาดทุนเพื่อหลบเลี่ยงภาษี” เนื้อหาข่าวระบุ พร้อมเสริมว่าทรัมป์นั้นรับผิดชอบการกู้ยืมเงินกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้องชำระคืนในอีก 4 ปีข้างหน้า
ด้าน The Trump Organization ปฏิเสธข้อกล่าวหาในรายงานข่าวดังกล่าว โดย อลัน การ์เทน หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของบริษัท ชี้แจงว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในรายงานนั้นส่วนใหญ่ไม่ถูกต้อง
“ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้จ่ายภาษีส่วนบุคคลให้กับรัฐบาลกลางไปหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงจ่ายภาษีส่วนบุคคลไปหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ที่เขาประกาศการลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2015” การ์เทนกล่าว
ขณะที่ The New York Times ยังกล่าวหาว่าธุรกิจบางอย่างของทรัมป์นั้นได้รับเงินจากล็อบบี้ยิสต์ เจ้าหน้าที่ต่างชาติ และบุคคลที่ต้องการพูดคุยหรือสนิทชิดเชื้อกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ
และจากการใช้บันทึกทางภาษีตรวจสอบว่าทรัมป์มีรายได้ที่มาจากหลายบริษัทในต่างประเทศมากแค่ไหน พบว่าเขามีรายได้จากต่างประเทศกว่า 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีแรกที่รับตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากธุรกิจสนามกอล์ฟในไอร์แลนด์และสกอตแลนด์
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: