ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศยกย่องการลงนามข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และบาห์เรน ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวานนี้ (15 กันยายน) ว่าเป็นรุ่งอรุณของตะวันออกกลางยุคใหม่
โดยผู้แทนของทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล, เชค อับดุลลาห์ บิน ซายิด อัล นะห์ยาน รัฐมนตรีต่างประเทศ UAE และอับดุลลาทิฟ อัล ซายานี รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรน เป็นผู้ร่วมลงนามข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ทำหน้าที่ตัวกลางประสานการเจรจา เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับ 2 ชาติในอ่าวอาหรับให้กลับสู่ระดับปกติ
“หลังความแตกแยกและขัดแย้งนานหลายทศวรรษ เราได้เริ่มต้นรุ่งอรุณของตะวันออกกลางยุคใหม่ เรามาอยู่ที่นี่ในบ่ายวันนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงเส้นทางของประวัติศาสตร์” ทรัมป์กล่าวต่อฝูงชนนับร้อยที่ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม
ด้านนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอล กล่าวต้อนรับข้อตกลงฟื้นความสัมพันธ์ฉบับนี้ว่าเป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ และเป็นการประกาศรุ่งอรุณใหม่แห่งสันติภาพระหว่างทั้ง 3 ประเทศ
ขณะที่ UAE และบาห์เรน ถือเป็นประเทศที่ 3 และ 4 ในอ่าวอาหรับ ต่อจากอียิปต์และจอร์แดน ที่ให้การยอมรับอิสราเอลอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศขึ้นในปี 1948
สำหรับการลงนามข้อตกลงฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับชาติอาหรับดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่ทำให้นานาชาติจับตามอง ว่าจะมีประเทศใดในอ่าวอาหรับเดินตามรอย UAE และบาห์เรนหรือไม่ ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย แสดงท่าทีก่อนหน้านี้ ว่ายังไม่พร้อมเดินหน้าความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล
ทางด้านประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ออกแถลงการณ์ภายหลังการลงนามข้อตกลงดังกล่าว โดยยืนยันว่าอิสราเอลต้องถอนกำลังออกจากดินแดนปาเลสไตน์ที่ยึดครองไว้เท่านั้น จึงจะสามารถนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลางได้
“สันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพจะไม่เกิดขึ้นในภูมิภาค จนกว่าการยึดครองของอิสราเอลจะสิ้นสุดลง” อับบาส กล่าว ในขณะที่กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่ามีจรวด 2 ลูก ถูกยิงจากฉนวนกาซา ข้ามฝั่งไปยังชายแดนอิสราเอลระหว่างที่มีพิธีลงนาม
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: