วันนี้ (25 สิงหาคม) พล.ต.ท. โสภณรัชต์ สิงหจารุ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลรักษาอาการป่วยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุว่า เมื่อวานนี้ (24 สิงหาคม) ทีมแพทย์ได้ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง จากการตรวจปอดและหัวใจยังพบว่าอาการน่าเป็นห่วง แต่ความดันยังทรงตัวอยู่ ไม่ถึงกับทรุด ยังมีสติ สามารถพูดคุยกับแพทย์ได้ ส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการรักษายังไม่สามารถระบุได้ อาการทั้งหมดได้รายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้ว
พล.ต.ท. โสภณรัชต์ กล่าวต่อว่า สำหรับห้องที่ทักษิณพักรักษาตัวอยู่นั้น ตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด โรงพยาบาลมีการปรับเปลี่ยนห้องให้เป็นรูปแบบกึ่งไอซียูหรือ IMCU ทำให้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาของทักษิณทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นผู้ร้องขอให้ส่งตัวมาแบบเร่งด่วน
“เรารับมาเป็นกรณีเดียวกับผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป ห้องไหนว่างก็ให้เข้าไปอยู่ห้องนั้น” พล.ต.ท. โสภณรัชต์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ญาติประสานเข้ามาจะเยี่ยมทักษิณได้หรือไม่ พล.ต.ท. โสภณรัชต์ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งในทางการแพทย์ยังไม่พ้นเวลาการกักตัวตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์
เมื่อถามถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายขอให้มีแพทย์จากหน่วยงานกลางมาร่วมสังเกตการณ์การรักษาทักษิณ พล.ต.ท. โสภณรัชต์ กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยทุกรายไม่เคยมีหน่วยงานไหนต้องเข้ามาตรวจสอบ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ส่งมาจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์
ทักษิณไม่ใช่รายแรกที่ส่งมา เพราะที่ผ่านมาเคยส่งมาเยอะทั้งวัน ซึ่งเป็นแบบนี้มา 30 กว่าปีแล้ว ไม่เคยมีหน่วยงานไหนเข้ามาร้องขอตรวจสอบ เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วย ซึ่งเคสปกติที่ไม่ใช่ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็ไม่สามารถละเมิดสิทธิ์ของผู้ป่วยได้ เป็นจริยธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์ ดังนั้นตัวหมอที่ถูกร้องขอก็ไม่สบายใจไปด้วย
ส่วนเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดในการรักษาของผู้ป่วยไม่ได้นั้น เพราะมีกฎหมายคุ้มครองผู้ป่วยในเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดอยู่ ต้องขออนุญาตทั้งตัวผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วยด้วย
ส่วนกรณีที่เคยระบุว่าเครื่องปรับอากาศในห้องพักเสียนั้น พล.ต.ท. โสภณรัชต์ ระบุว่า ตอนนี้ซ่อมแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ซ่อมสำหรับคนไข้รายใดรายหนึ่ง แต่ซ่อมทั้งชั้น ตอนนี้ใช้การได้ปกติ แต่ไม่ได้เย็นมาก ส่วนเรื่องวิวห้องพักของทักษิณนั้น ยืนยันว่าห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลตำรวจสวยทุกตึก ไม่ว่าห้องไหนก็สวย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะย้ายทักษิณไปโรงพยาบาลเอกชนนั้น พล.ต.ท. โสภณรัชต์ กล่าวว่า โรงพยาบาลตำรวจนั้นมีศักยภาพมาก มีเครื่องมือพร้อมที่จะรักษาทักษิณได้ ไม่ย้ายไปไหนเด็ดขาด การย้ายมีทางเดียวคือย้ายกลับราชทัณฑ์ แต่หากราชทัณฑ์ระบุว่าการรักษาของโรงพยาบาลตำรวจยังไม่มีประสิทธิภาพ ทางราชทัณฑ์จะส่งไปไหนก็แล้วแต่ดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์
ทั้งนี้ โรงพยาบาลตำรวจไม่มีอำนาจในการส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอกชนได้ และย้ำว่าทางโรงพยาบาลมีหน้าที่รักษาผู้ป่วยเท่านั้น เรื่องการเมืองหรือการรักษาความปลอดภัย ทางโรงพยาบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง