วันนี้ (11 พฤศจิกายน) น.สพ.บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ แถลงข่าวกรณีที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งออกอากาศซีรีส์ ซึ่งอาจมีการกระทำการที่เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรมปศุสัตว์ประชุมร่วมกัน
กรมปศุสัตว์อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ มาตรา 25 (1) (4) เพื่อเชิญผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง one31 ผู้จัด และทีมงาน มาให้ถ้อยคำ พร้อมนำหลักฐานต่างๆ มาแสดงให้ทราบเพื่อรวบรวมข้อมูล จากนั้นจะประสานกับสัตวแพทยสภา เพราะหากมีข้อมูลเชื่อมโยงว่าการวางยาสัตว์กระทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นสัตวแพทย์ก็ต้องสืบค้นข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณของความเป็นแพทย์หรือไม่
นอกจากนี้ มีหลายกระแสสอบถามมาว่าการนำสัตว์มาใช้ในการแสดงมีข้อกฎหมายบังคับใช้หรือไม่ โดยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ มาตรา 24 มีเรื่องการขนส่งสัตว์และข้อกำหนดเรื่องการนำสัตว์ไปใช้งาน ซึ่งต้องออกเป็นประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ปัจจุบันมีเฉพาะประกาศเกี่ยวกับการขนส่งสัตว์เท่านั้นที่ทำแล้วเสร็จ ขณะที่ในมาตรา 22 เป็นเรื่องของการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ได้เตรียมประกาศไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เป็นภาพกว้าง ทำให้การบังคับใช้ต้องตีความมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอธิบดีกรมปศุสัตว์มีฐานะเป็นประธานและเลขานุการของคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ จึงต้องรวบรวมข้อมูลและนำเสนอให้กับคณะกรรมการประชุม ก่อนลงมติว่าจะตั้งคณะทำงานมาเพื่อศึกษาว่าต้องจัดทำประกาศอย่างไรเพื่อให้ครอบคลุมเรื่องการนำสัตว์มาใช้งาน เพราะปัจจุบันก็เริ่มมีการนำสัตว์ไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น คาเฟ่แมวหรือสุนัข ซึ่งอาจมีการกระทำที่ยังไม่ได้ชี้ชัด เพื่อให้สามารถวางกรอบในการปฏิบัติและให้เกิดความปลอดภัยแก่สัตว์
หลังจากนี้จะมอบหมายให้ ฉัตรชัย ประทุมมาลย์ ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ กองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ และเจ้าหน้าที่นำหนังสือจากกรมปศุสัตว์ไปยื่นต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง one31 เพื่อให้ได้รับทราบและเตรียมข้อมูล
ส่วนที่ทีมงานออกมาชี้แจงว่าแมวตัวดังกล่าวยังสบายดี และระหว่างถ่ายทำมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอยู่ด้วยนั้น น.สพ.บุญญกฤช กล่าวว่าต้องระบุว่าผู้เชี่ยวชาญนั้นคือใคร ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นสัตวแพทย์ หรือเจ้าของแมว หรือเป็นผู้ได้รับการอบรมมาอย่างไร แต่ในเรื่องของการกระทำต่อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางยาสลบต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับทางสัตวแพทยสภา และต้องให้ผู้จัดทำซีรีส์นำแมวมาตรวจสอบสภาพร่างกายด้วยว่าปกติจริงหรือไม่
ขณะที่มีข้อสงสัยว่าเป็นแมวตัวเดียวกันกับที่ถูกวางยาสลบในการถ่ายทำหรือไม่ ก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นแมวตัวเดียวกันจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายคือผู้ถูกกล่าวหาและกระแสสังคม
หากในกรณีที่กองถ่ายวางยาสัตว์โดยไม่มีสัตวแพทย์ อย่างน้อยถือว่าเป็นการทารุณกรรมแน่นอน เพราะมีกฎหมายกำหนดว่าต้องให้สัตวแพทย์ดำเนินการ หากไม่ได้ทำตามขั้นตอน ทำให้สัตว์แสดงอาการทุรนทุราย จะเข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ มาตรา 20 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ชัดเจน ทำให้ยังไม่มีข้อกฎหมายหลักที่จะบังคับใช้ในกรณีดังกล่าว เวลานี้จึงยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่าถือเป็นความผิดหรือไม่ ต้องขอดูรายละเอียดที่แท้จริงก่อนจึงจะสามารถตอบได้
“วันนี้อาจจะเป็นคดีตัวอย่างให้ผู้ที่ดำเนินการต่อไปได้พึงระลึกและสังวรไว้ว่าจะทำอะไรต่อสัตว์จำเป็นต้องคำนึงในทุกๆ ด้าน และอาจทำให้มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยในอนาคต เพื่อให้ฉากมีความสมจริงโดยไม่ต้องนำสัตว์มาแสดง” น.สพ.บุญญกฤช กล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้กำหนดให้ผู้ชี้แจงมาให้ถ้อยคำในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ แต่หากผู้ชี้แจงมีความพร้อมก็สามารถเข้ามาให้ถ้อยคำก่อนกำหนดได้
