วานนี้ (11 กรกฎาคม) โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 2 ของโลก ได้ออกมาเรียกร้องให้เริ่มการแข่งประจำวันของรายการวิมเบิลดันให้เร็วขึ้น ท่ามกลางคำถามและดราม่าเกี่ยวกับวิมเบิลดันเคอร์ฟิวในปีนี้
เนื่องจากตามกติกาและธรรมเนียมของวิมเบิลดัน ทุกการแข่งจะต้องหยุดก่อนเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ถ้ามีคู่ไหนที่แข่งไม่จบก่อนเวลานั้น จะต้องหยุดและกลับมาลงแข่งในวันต่อไป
ซึ่งยอโควิชคือหนึ่งในนักกีฬาที่ถูกหยุดเกมจากการเคอร์ฟิว 1 ครั้งในปีนี้ ของการแข่งรอบที่ 4 ที่พบกับ ฮูเบิร์ต เฮอร์คัชซ์
โดยยอโควิชออกมาเรียกร้องให้เริ่มการแข่งขันเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม โดยให้เหตุผลว่า การที่มีการเปลี่ยนแปลงในตารางของการแข่งขัน จะเป็นการเพิ่มความเครียดและความไม่แน่นอนให้กับผู้เข้าแข่งขัน
“แน่นอนว่าเวลาเคอร์ฟิวอาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนได้ยาก ผมเข้าใจ เพราะว่าเราอยู่ในพื้นที่ที่มีชุมชนบริเวณใกล้เคียงสนามแข่ง
“ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้การแข่งเริ่มตอนเวลา 12.00 น. ผมว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้” ยอโควิชกล่าว
ด้านอองอิงแลนด์คลับ สนามแข่งวิมเบิลดัน ได้ส่งแถลงการณ์ให้กับสื่อ CNN โดยระบุว่า “พวกเราเริ่มการแข่งในช่วงบ่ายต้นๆ ในเซ็นเตอร์คอร์ตและคอร์ตหมายเลข 1 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ชมเต็มสนามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อผู้เล่นเข้ามาในสนาม นั่นคือความแตกต่างระหว่างวิมเบิลดันและการแข่งเทนนิสรายการอื่น
“มีสิ่งที่ต้องเตรียมการอย่างมากระหว่างการดูแลสนามแข่งขันในทุกๆ วัน อย่างไรก็ดี ข้อติชมชี้แนะทั้งหมดจะถูกเอาไปพิจารณาหลังจบการแข่งขันดังเช่นในทุกๆ ปี” อองอินแลนด์คลับเผยกับ CNN
สำหรับ โนวัค ยอโควิช เพิ่งผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของรายการวิมเบิลดันเป็นครั้งที่ 12 โดยชนะ แอนเดรย์ รูเบลฟ นักเทนนิสมือวางอันดับ 7 ของโลกจากรัสเซีย ไปได้เมื่อวานนี้ 3-1 เซ็ต โดยยอโควิชจะเข้าไปพบกับ จานนิก ซินเนอร์ นักเทนนิสมือวางอันดับ 8 ของโลกจากอิตาลี ในวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2023 ตามเวลาประเทศไทย
อ้างอิง:
