เกิดอะไรขึ้น:
ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม สู่ระดับก่อนเกิดเหตุการณ์สงครามราคาน้ำมันระหว่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 ที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1/63
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (5 มิถุนายน 2563) ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นยังคงปรับตัวขึ้นต่ออย่างโดดเด่น นำโดย
- ราคาหุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เพิ่มขึ้น 6.88% DoD สู่ระดับ 50.50 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) เพิ่มขึ้น 5.88% DoD สู่ระดับ 7.20 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เพิ่มขึ้น 4.79% DoD สู่ระดับ 3.06 บาท
- ราคาหุ้น บมจ. สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เพิ่มขึ้น 4.05% DoD สู่ระดับ 7.70 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เพิ่มขึ้น 3.52% DoD สู่ระดับ 23.50 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าสาเหตุที่ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นฟื้นตัวขึ้นมาแรงในครั้งนี้สะท้อนว่า ตลาดมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อผลประกอบการที่มีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงยังได้ปัจจัยหนุนจากกำไรสต๊อกน้ำมันดิบในไตรมาส 2/63 ที่มีโอกาสพลิกมาเป็นบวกเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวดีขึ้น QoQ โดยผลประกอบการไตรมาส 1/63 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจากการรับรู้ผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมหาศาล
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 แม้จะดีขึ้นจากไตรมาส 1/63 แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากค่าการกลั่น (Market GRM) ที่ลดลงสู่ 0 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งเกิดจาก Crack spread ที่แคบลงของผลิตภัณฑ์ที่สำคัญทุกประเภท อาทิ Crack spread ของน้ำมันดีเซลลดลงสู่รับ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/63 จากระดับ 11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/63 เนื่องจากผู้ประกอบการโรงกลั่นเพิ่มสัดส่วนการผลิตน้ำมันดีเซลมากขึ้นแทนความต้องการน้ำมันอากาศยานที่ลดลง รวมถึง Crack spread ของน้ำมันกำมะถันต่ำ (LSFO) ลดลง 46% QoQ สู่ระดับ 7.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากผู้ประกอบฯ เพิ่มกำลังการผลิต LSFO มากขึ้นขานรับมาตรการควบคุมกำมะถัน IMO แต่ด้วยมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้อุปสงค์ลดลง
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มโรงกลั่นยังมีปัจจัยบวกชดเชยในไตรมาส 2/63 จาก Crude Premium ที่ลดลง ซึ่งช่วยหนุนต่ออัตรากำไรในไตรมาส 2/63 เนื่องจากซาอุดีอาระเบียลดราคาขายน้ำมันลง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Arab Light ต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากซื้อขายซื้อสูงกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนช่วงที่ราคาน้ำมันร่วงลงในเดือนมีนาคม
ทั้งนี้ ต้องตามการประชุม OPEC+ ที่จะมีขึ้นวันที่ 9-10 มิถุนายน 2563 ซึ่งตลาดกำลังจับตาว่ากลุ่ม OPEC+ จะสามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตออกไปต่อได้อีกหรือไม่
มุมมองระยะยาว:
ในระยะยาวยังคงต้องติดตามความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งอาจนำมาสู่การยกเลิกสนธิสัญญาทางการค้าเฟสแรกได้ และจะกระทบต่ออุปสงค์ของน้ำมัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์