×

รังสิมันต์ชี้ การยุบพรรคไม่ใช่เรื่องตลกที่จะพูดเล่นได้ คำพูดถากถางสะท้อนว่าไม่เคารพอำนาจประชาชน

โดย THE STANDARD TEAM
21.08.2024
  • LOADING...

วันนี้ (21 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ อุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่าพรรคประชาชนควรขอบคุณที่ยุบพรรค เพราะทำให้เงินบริจาคเพิ่มขึ้น 20-30 ล้านบาท

 

รังสิมันต์ระบุว่า ต้องบอกว่าการยุบพรรคการเมืองใน พ.ศ. นี้ ไม่มีสังคมไหนยอมรับ โดยเฉพาะสังคมที่เจริญแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเวลาที่เราไปพูดคุยกับพรรคการเมืองและนักการเมืองในต่างประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยและอยู่ระหว่างการพัฒนาประชาธิปไตย เพราะการพัฒนาประชาธิปไตยคือการพัฒนาบ้านเมืองให้มีความเจริญ ทุกคนล้วนแปลกใจที่การยุบพรรคโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลเกิดขึ้น

 

รังสิมันต์ชี้ว่า นี่ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มีพรรคการเมืองจำนวนมากที่ถูกยุบ ไม่มีใครยอมรับและเข้าใจได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นประเด็นซึ่งนำมาสู่การยุบพรรค ทั้งนโยบาย หรือการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ก็ล้วนเป็นสิ่งที่น่าจะสามารถทำได้ ดังนั้นการยุบพรรคแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับ

 

เมื่อการยุบพรรคเกิดขึ้นแล้ว ประชาชนที่เขามีความเห็นใจต่อเราก็ได้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคประชาชนจำนวนมาก หลายคนก็บริจาคเงินกันมา การดำเนินการเช่นนี้คือการดำเนินการโดยภาคประชาชนที่รู้สึกว่านี่เป็นพรรคการเมืองที่เขาเป็นเจ้าของ เป็นพรรคการเมืองที่เขาให้การสนับสนุน และอยากจะผลักดันให้พรรคการเมืองนี้สามารถกลับมาตั้งหลักได้อย่างภาคภูมิ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนได้โดยเร็วที่สุด

 

“แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับความเสียหายของการยุบพรรคนั่นมากกว่าเยอะ แต่ประชาชนก็ทำในสิ่งที่พอจะทำได้ในการสนับสนุนพวกเรา นี่จึงไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องที่จะสามารถนำมาพูดเล่นกันได้ว่าการยุบพรรคทำให้พรรคประชาชนมีรายได้ 20 ล้านบาท การยุบพรรคก้าวไกลทำให้นักการเมืองที่มีคุณภาพที่ควรจะเป็นอนาคตของประเทศต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง การยุบพรรคทำให้เพื่อน สส. ที่อยู่ในบัญชีรายชื่ออื่นๆ ไม่มีสิทธิอีกต่อไป”

 

รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า การยุบพรรคทำให้เราต้องแสวงหาสมาชิกกันใหม่ การยุบพรรคทำให้ประชาชนจำนวนมากที่เป็นสมาชิกของเราถูกตัด ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ความเสียหายของพรรคก้าวไกล แต่เป็นความเสียหายของประชาชนที่เขาอยากจะเห็นการเมืองที่ต่อสู้กันด้วยนโยบาย ต่อสู้กันทางความคิด การใช้กฎหมายในการยุบพรรคต่างๆ เป็นสิ่งที่ควรจะหมดไปได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่ยังเป็นอยู่ และค่อนข้างจะตกใจกับความคิด เพราะเมื่อได้อ่านดูแล้วมีความรู้สึกว่าคนที่สั่งให้ยุบพรรคไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลย และออกจะเป็นไปในโทนทีเล่นทีจริง ทำให้ยิ่งรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

 

ส่วนเรื่องวุฒิภาวะ เข้าใจว่าอุดมจบนิติศาสตร์และมีความเข้าใจทางด้านกฎหมาย แต่ปกติคนที่เป็นศาลควรตัดสินคดีโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานที่เป็นกลาง ไม่ใช่เอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคดีที่ตัวเองตัดสิน หากเรามองด้วยท่าทีเช่นนี้ก็จะทำให้เกิดคำถามว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญตั้งอยู่บนความเป็นกลางจริงหรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานพยานหลักฐานหรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ทำให้พรรคก้าวไกลได้โอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่หรือไม่

 

“หรือสุดท้ายการตัดสินคดีนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นศัตรูของพรรคก้าวไกล หรือของความเชื่อบางอย่างไปแล้ว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ผมคิดว่ากฎหมายของเราจะมีปัญหามาก และจะทำลายความศรัทธาของพี่น้องประชาชนมากขึ้นไปอีก” รังสิมันต์กล่าว

 

ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นในวันนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง รังสิมันต์กล่าวว่า ก็คงจะเกิดคำถามจากพี่น้องประชาชนจำนวนมากว่า ตกลงแล้วการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร และคำถามในลักษณะนี้ก็ทำให้วงการกฎหมายกลัวกันมาก เพราะตัดสินกันไม่จบ เนื่องจากตัดสินแล้วไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ และเชื่อว่าตอนนี้สังคมก็กำลังมีคำถามนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นในทางการเมือง และทำให้การเมืองขาดเสถียรภาพ เหมือนประเทศที่ไร้วิญญาณ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศให้มีความเติบโต คงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะนักลงทุนที่ไหนจะอยากมาลงทุน เพราะฉะนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับการทำลายเสถียรภาพทางการเมืองก็ควรเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้น

 

ส่วนกรณีที่มีนิสิต นักศึกษา ของบางสถาบันเรียกร้องให้ถอดถอนชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนออกจากการเป็นอาจารย์พิเศษนั้น รังสิมันต์มองว่า เรื่องการตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องทางกฎหมาย ไม่เหมือนกับศาลอื่นๆ ต้องยอมรับว่าเรื่องในลักษณะนี้หรือเรื่องจริยธรรมเป็นสิ่งที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

 

แน่นอนว่าประชาชนจำนวนมากมองว่าพรรคก้าวไกลไม่ควรจะถูกยุบ เพราะการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีการแก้ไขมาก่อน และไม่มีอะไรที่เขียนว่าห้ามแก้ ซึ่งเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ทำให้เกิดคำถามตามมา ยิ่งไปกว่านั้นการตัดสินมติ 9 ต่อ 0 ทำให้เกิดคำถามเรื่องความโปร่งใสในการตัดสิน เพราะหากเทียบกับการตัดสินอื่นๆ ยากมากที่จะหาฉันทมติแบบนี้ คงมีประชาชนส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่าอยากจะทำอะไรที่สามารถทำได้ และเป็นภาพสะท้อนจากนิสิต นักศึกษา ที่ไปเข้าชื่อถอดถอน

 

ส่วนกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า พรรคควรขอบคุณ รังสิมันต์หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า เราคงขอบคุณไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรพูดคุยกันแบบจริงจังดีกว่า การใช้ประโยคแบบเยาะเย้ยถากถางเป็นการพูดที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพในอำนาจของประชาชนเลย และเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรอะไรก็แล้วแต่ หรือจะมีที่มาอย่างไรตามรัฐธรรมนูญ แต่ตนอยากให้ทุกคนเคารพในอำนาจสูงสุดที่เป็นของประชาชน

 

“อย่างน้อยมีความเคารพกันบ้าง ผมเข้าใจเกมการเมือง ผมเข้าใจเรื่องความพยายามที่จะทำลายพรรคก้าวไกลจากฝ่ายต่างๆ แต่ผมยืนยันว่า ไม่ว่าท่านจะรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ชอบพรรคก้าวไกล แต่ช่วยเคารพอำนาจของประชาชนบ้าง อย่าให้การใช้นิติสงครามเป็นเรื่องปกติในสังคมเลย” รังสิมันต์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X