ยุบสภา: เครื่องมือทางการเมือง
ในระบอบประชาธิปไตยแบบระบบรัฐสภา สำหรับประเทศไทย ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งของประชาชน เครื่องมือทางการเมืองที่ใช้เพื่อระงับความขัดแย้ง และกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถที่จะเดินหน้าทำงานต่อไปได้คือ ‘การยุบสภา’
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหลายฉบับได้บัญญัติถึงเครื่องมือที่เรียกว่า ‘การยุบสภา’ ไว้ในตัวบทกฎหมายมาโดยตลอด
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ในมาตรา 103 บัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา และให้กระทำได้เพียงครั้งเดียว
ภายใน 5 วันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งใช้บังคับ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใช้บังคับ วันเลือกตั้งนั้นต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบทางกฎหมาย มี 6 ส่วนที่สำคัญคือ
- การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ แต่จะทรงใช้พระราชอำนาจนั้นได้ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีเสนอเท่านั้น
- การยุบสภาต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
- การยุบสภาจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน
- การยุบสภามีได้เฉพาะก่อนสภาสิ้นอายุ
- การยุบสภาทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง
- การยุบสภานำไปสู่การเลือกตั้งใหม่
ยุบสภา: เครื่องมือถ่วงดุลระหว่างฝ่ายบริหาร vs. ฝ่ายนิติบัญญัติ
หากพิจารณาจากการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญจะแบ่งแยกได้ 3 อำนาจคือ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 3 อำนาจดังกล่าวถูกกำหนดกลไกให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างกัน
อำนาจบริหารที่นำโดยนายกรัฐมนตรีและอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งมีองค์กรที่สำคัญเรียกว่า ‘รัฐสภา’ ล้วนเกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยสำคัญ อธิบายแบบง่ายๆ คือ ประชาชนเลือกผู้แทนฯ หรือ สส. เข้าสภา ในขณะที่ สส. ในสภาที่รับมอบอำนาจจากประชาชนมาเลือกผู้นำฝ่ายบริหาร หรือนายกฯ อีกที แต่ทว่ากลไกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมีอำนาจในการเลือกนายกฯ ด้วย
กล่าวโดยสรุปคือ เป็นเหมือนการแบ่งแยกอำนาจออกจากกันอย่างไม่เด็ดขาด ดังนั้นการยุบสภาอาจมีปัจจัย 2 อย่าง คือ
- เพื่อถ่วงดุลฝ่ายบริหารต่อฝ่ายนิติบัญญัติ (นายกฯ ถ่วงดุล สส.)
- เพื่ออุทธรณ์ข้อขัดแย้งของสภา ข้อขัดแย้งทางการเมืองต่อประชาชน ให้ประชาชนมีอำนาจในการตัดสินใจเลือกผู้แทนใหม่อีกครั้ง
อะไรบ้างที่นำไปสู่การยุบสภา
- ฝ่ายบริหารขัดแย้งต่อฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น ไม่ผ่านกฎหมายสำคัญ
- สส. และ สว. ขัดแย้งกันอย่างหนัก ทำงานร่วมกันไม่ได้ ไม่ผ่านกฎหมายสำคัญ (ฝ่ายนิติบัญญัติขัดแย้งกันเอง)
- มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ หรือเพิ่มเติม
- เร่งการเลือกตั้งให้เร็วขึ้น
- ชิงความได้เปรียบในห้วงที่รัฐบาลกำลังได้รับความนิยมจากประชาชน
- ตั้งรัฐบาลไม่ได้
- บริหารประเทศผิดพลาดร้ายแรง
- ประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภา
โอกาสที่รัฐบาลเพื่อไทยจะยุบสภามีแค่ไหน
‘ภูมิธรรม’ ทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว
วันนี้ (3 กันยายน) สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกรัฐมนตรี ดำเนินการทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วจริง แต่รายละเอียดรอให้นายภูมิธรรมเป็นผู้แถลง
เหตุผลสำคัญมาจากการที่พรรคประชาชนประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และหันไปสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้เพื่อไทยเหลือเสียงสนับสนุนเพียงประมาณ 130 กว่าเสียง ซึ่งถือเป็นเสียงข้างน้อย เดินหน้าต่อไม่ได้
‘ยุบสภาเพื่อเลี่ยงรัฐบาลเป็ดง่อย’
ขณะที่ ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า หากเลือกตั้งนายกฯ ภายใต้สมการเสียงปัจจุบัน รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาอาจกลายเป็น ‘รัฐบาลเป็ดง่อย’ เพราะมีเสียงไม่พอในการบริหารประเทศจริงๆ
ชูศักดิ์อธิบายว่า หากปล่อยให้เลือกนายกรัฐมนตรี แล้วสุดท้ายต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย ก็เท่ากับเป็นการตั้งรัฐบาลเพื่อ ‘ยุบสภา’ ไม่ใช่รัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ ดังนั้นยุบสภาตอนนี้เลย น่าจะเป็นทางออกที่สง่างามกว่า
เขาย้ำว่า ในการหารือกับแกนนำพรรคเมื่อคืน (2 กันยายน) ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘การยุบสภาคือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด’
ประเด็นกฎหมาย: อำนาจรักษาการนายกฯ ยังเป็นที่ถกเถียง
ข้อถกเถียงหลักคือรักษาการนายกฯ มีอำนาจยุบสภาหรือไม่
ฝ่ายหนึ่ง เช่น สำนักงานกฤษฎีกา มองว่าไม่มีอำนาจ
ขณะที่ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยและชูศักดิ์มองว่า ภูมิธรรมคือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ในปัจจุบัน ซึ่งมีอำนาจเต็ม และการยื่นพระราชกฤษฎีกายุบสภาเป็นสิทธิ์ตามกระบวนการที่กฎหมายเปิดช่องไว้
ท้ายที่สุด ถือเป็นพระบรมราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ว่าจะทรงเห็นสมควรหรือไม่
ความเป็นไปได้และผลลัพธ์
หากพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ → กกต. ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วันตามรัฐธรรมนูญ
หากมีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ → กระบวนการอาจถูกท้าทาย แต่ยังไม่แน่ว่าจะทำให้หยุดชะงักหรือไม่
ระหว่างนี้ → รัฐบาลรักษาการของภูมิธรรมยังคงปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่
โอกาสยุบสภา ‘สูงและเกิดขึ้นแล้ว’ จากการยืนยันของแกนนำพรรคเพื่อไทย ว่าภูมิธรรมได้ยื่นทูลเกล้าฯ ไปเรียบร้อย ซึ่งเป็นเหตุผลทางการเมือง มาจากการที่รัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ หากเลือกตั้งนายกฯ ตอนนี้ก็จะนำไปสู่ ‘รัฐบาลเป็ดง่อย’ ที่ต้องยุบสภาอยู่ดี ขณะที่ข้อกฎหมายยังถกเถียง แต่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่ารักษาการนายกฯ มีอำนาจเต็มที่จะทำหน้าที่ดังกล่าว