×

ยุบสภาคืออะไร ทำไมต้องยุบ รัฐบาลมีอำนาจเต็มแค่ไหน

12.12.2025
  • LOADING...
ยุบสภาคืออะไร ทำไมต้องยุบ รัฐบาลมีอำนาจเต็มแค่ไหน

ยุบสภา: เครื่องมือคลี่คลายวิกฤตการเมือง

 

การ ‘ยุบสภา’ ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง การยุบสภาจึงไม่ใช่เพียงการยุติอายุของสภาเท่านั้น แต่ยังเป็น ‘เครื่องมือทางการเมือง’ ที่ใช้เพื่อคลี่คลายทางตัน ความขัดแย้ง หรือคืนอำนาจการตัดสินใจกลับไปสู่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งใหม่

 

ยุบสภาคืออะไร และทำไมต้องยุบสภา

 

ในเชิงหลักการ การยุบสภาเป็นมาตรการที่ใช้เมื่อสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเกิดจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ หรือความขัดแย้งภายในสภาเองจนไม่สามารถผลักดันกฎหมายสำคัญได้

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหลายฉบับล้วนบัญญัติเรื่องการยุบสภาไว้เป็นกลไกตามครรลองประชาธิปไตย โดยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน กำหนดไว้ใน มาตรา 103 ว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ โดยการยุบสภาจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ

 

การยุบสภาต้องตราเป็น พระราชกฤษฎีกา และในเหตุการณ์เดียวกันจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 

องค์ประกอบทางกฎหมายของการยุบสภา

 

เมื่อพิจารณาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ สามารถสรุปสาระสำคัญของการยุบสภาได้ 6 ประการ คือ

 

1.การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ แต่ต้องกระทำตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี

 

2.ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกายุบสภา

 

3.ยุบสภาได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน

 

4.ต้องกระทำก่อนสภาสิ้นอายุ

 

5.การยุบสภาทำให้สมาชิกภาพของ สส. สิ้นสุดลงทันที

 

6.การยุบสภานำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่

 

ยุบสภา: กลไกถ่วงดุลอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ

 

ในโครงสร้างการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ซึ่งถูกออกแบบให้มีระบบตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหาร (นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี) กับฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา) มีลักษณะเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น กล่าวคือ ประชาชนเลือก สส. และ สส. มีบทบาทในการเลือกผู้นำฝ่ายบริหาร

 

อย่างไรก็ตาม ภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบัน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ยังมีอำนาจในอีกขาของฝ่ายนิติบัญญัติ ทำให้โครงสร้างอำนาจไม่ได้แยกจากกันอย่างเด็ดขาด ดังนั้น การยุบสภาจึงมีความหมายใน 2 มิติสำคัญ

 

1.เป็นเครื่องมือถ่วงดุลฝ่ายบริหารต่อฝ่ายนิติบัญญัติ

 

2.เป็นการอุทธรณ์ข้อขัดแย้งทางการเมืองต่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ผ่านการเลือกตั้ง

 

เหตุปัจจัยที่นำไปสู่การยุบสภา

 

สถานการณ์ที่มักนำไปสู่การยุบสภา ได้แก่

 

  • ฝ่ายบริหารไม่สามารถผลักดันกฎหมายสำคัญผ่านสภาได้

  • ความขัดแย้งรุนแรงภายในฝ่ายนิติบัญญัติ (ระหว่าง สส. และ สว.)

  • การแก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

  • ความจำเป็นในการเร่งจัดการเลือกตั้ง

  • การชิงความได้เปรียบทางการเมืองในช่วงที่รัฐบาลได้รับความนิยม

  • การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ

  • ความผิดพลาดร้ายแรงในการบริหารประเทศ

  • การเรียกร้องจากประชาชนให้คืนอำนาจผ่านการเลือกตั้งใหม่

 

ยุบสภาแล้ว เดินหน้าไทม์ไลน์เลือกตั้งอย่างไร

 

ภายหลังการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปภายใน 5 วัน โดยกำหนดวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน และไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ และต้องจัดการเลือกตั้งในวันเดียวกันทั่วประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม กฎหมายเปิดช่องให้มีความยืดหยุ่นในกรณีจำเป็น เช่น ปัญหางบประมาณหรือเหตุสุดวิสัย โดยสามารถกำหนดวันเลือกตั้งคลาดเคลื่อนได้ภายในกรอบกฎหมาย

 

รัฐบาลหลังยุบสภา: “รักษาการ” ตามหลักวิชาการ แม้รัฐธรรมนูญไม่ใช้คำนี้

 

การประกาศยุบสภาของรัฐบาลภูมิใจไทย กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมืองไทยอีกครั้ง โดยการยุบสภาไม่เพียงเป็นการยุติบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญที่นำประเทศเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งใหม่ พร้อมตั้งคำถามถึงอำนาจ หน้าที่ และข้อจำกัดของรัฐบาลในช่วงหลังการยุบสภา

 

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี อธิบายว่า คำว่า ‘รัฐบาลรักษาการ’ เป็นคำทางวิชาการ ไม่ได้ปรากฏโดยตรงในรัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฏิบัติ คณะรัฐมนตรีชุดเดิมยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ารับหน้าที่

 

ขณะที่รัฐบาลในช่วงนี้ยังมีอำนาจตามปกติในเรื่องสำคัญ เช่น

 

  • ความมั่นคงของรัฐ
  • ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • การฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัย

 

อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดสำคัญตามกฎหมายและหลักความเป็นกลางทางการเมือง สิ่งที่รัฐบาลรักษาการ ‘ทำไม่ได้’ หรือ ‘ต้องหลีกเลี่ยง’ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 คือ

 

1. ห้ามกระทำการที่ผูกพันรัฐบาลชุดถัดไป

 

  • การทำสัญญาระยะยาวขนาดใหญ่
  • การอนุมัติโครงการที่สร้างภาระงบประมาณในอนาคต
  • การลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันระยะยาว

 

2. ห้ามแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการระดับสูง
โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีผลเชิงนโยบาย เช่น

 

  • ข้าราชการการเมือง
  • ปลัดกระทรวง
  • อธิบดี

 

ยกเว้นกรณีจำเป็นอย่างยิ่ง เช่น ตำแหน่งว่าง หรือเพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงต่อราชการ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจาก กกต.

 

3. ห้ามออกนโยบายใหม่ที่มีผลทางการเมือง

 

  • นโยบายประชานิยมใหม่
  • การเปลี่ยนทิศทางนโยบายหลักของประเทศ
  • การใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง

 

4. ห้ามใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้ง

 

  • ห้ามใช้งบประมาณรัฐในการหาเสียง
  • ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐ ทั้งบุคคลและยานพาหนะ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง

 

การยุบสภาไม่ใช่จุดจบของระบบการเมือง แต่เป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้เมื่อกลไกปกติไม่สามารถทำงานได้ การกำหนดขอบเขตอำนาจรัฐบาลหลังยุบสภา และการเดินหน้าไทม์ไลน์เลือกตั้งอย่างเป็นธรรม จึงเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาหลักประชาธิปไตยและความชอบธรรมของอำนาจรัฐ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising