ท้าชน Netflix กันไปเลย Disney+ วางแผนสร้าง ‘Original Content’ กว่า 50 เรื่องจาก ‘ทวีปเอเชีย’ ภายในปี 2023

Disney กำลังจะบุกเอเชียเพื่อท้าชนกับ Netflix โดยเจ้าของ Disney+ ได้ไฟเขียวที่จะสร้าง ‘Original Content’ กว่า 50 เรื่องจากภูมิภาคนี้ภายในปี 2023

โดย Disney กำลังดำเนินการสร้างซีรีส์ใหม่จากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ไต้หวัน และอินโดนีเซีย และหลายๆ เรื่องจะถูกนำเสนอในภาษาท้องถิ่น ตั้งแต่ภาษาบาฮาซาอินโดนีเซียจนถึงภาษาจีนกลาง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อแฟนๆ ทั่วโลกพากันพูดถึงการมีอยู่ของ Squid Game ซีรีส์ Netflix ชื่อดังถล่มโลกจากเกาหลีใต้ ที่กลายเป็นซีรีส์อันดับต้นๆ ทั่วโลกของ Netflix

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เจ้าแห่งสตรีมมิงบอกกับ CNN Business ว่ามีผู้เข้าชมแล้ว 111 ล้านบัญชี นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน ปี 2019 โดยนับเป็นการเปิดตัวซีรีส์ที่ ‘ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา’ ของ Netflix

Netflix ได้ทุ่มเงินให้กับเนื้อหาต้นตำรับภาษาเอเชีย และบริการสตรีมมิงได้ปักธงความสำเร็จทั่วโลกสำหรับเนื้อหาภาษาเกาหลีและญี่ปุ่น

เจสสิก้า คิม-เองเกิล หัวหน้าฝ่ายคอนเทนต์และการพัฒนาของ Disney ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงความนิยมของเนื้อหาภาษาเกาหลีว่า ‘ได้พัฒนากลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก’

เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค Disney ได้เปิดเผย Trailer คร่าวๆ ของหลายรายการเกาหลีใต้ที่จะฉายในอนาคต รวมถึง Snowdrop ซีรีส์ดราม่าโรแมนติก นำแสดงโดย จีซู จาก BLACKPINK โดยทาง Disney ปฏิเสธที่จะเปิดเผยเม็ดเงินลงทุนในซีรีส์ต้นฉบับใหม่ๆ ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าใด

แม้จะเพิ่งเปิดตัว Disney+ ในปลายปี 2019 แต่ก็ได้ขึ้นเป็นบริการสตรีมมิงระดับแนวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับนักวิเคราะห์และนักลงทุนจนถึงขณะนี้

ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้มีสมาชิกมากกว่า 116 ล้านราย ใน 61 ตลาดทั่วโลก รวมถึง 8 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

เพื่อจะเจาะตลาดแบบถล่มทลายในแต่ละแห่ง Disney จะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้ผลิตคอนเทนต์ในพื้นที่ ลูค คัง ประธานบริษัทประจำภูมิภาคเอเชียกล่าว

“ผู้บริโภคทั่วทั้งภูมิภาคต่างเรียกร้องเนื้อหาที่ดีที่สุดในโลกและเนื้อหาภาษาประจำถิ่นที่ดีที่สุดเพิ่มมากขึ้น” เขากล่าว

Disney ต้องการผสานทั้งสองโดยอาศัยเรื่องราวและกองทัพที่มีความสามารถของตนเอง ซึ่งก็คือความสร้างสรรค์จาก Pixar และ Marvel โดย Disney ได้ประกาศเพื่อเชื่อมโยงเหล่าครีเอเตอร์ชาวเอเชียกับผู้บริหารและโปรดิวเซอร์ระดับโลกจาก Disney ผ่านมาสเตอร์คลาส การแสดงสด และกิจกรรมอื่นๆ

“ผมเชื่อว่าเราอยู่ในจุดเปลี่ยน” คังกล่าว “การสตรีมกำลังเข้าสู่กระแสหลักอย่างรวดเร็ว และ Disney+ ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะมีบทบาทสำคัญ”

อ้างอิง: