ธุรกิจสวนสนุกของดิสนีย์ทำรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีงบประมาณ 2024 โดยรายได้เพิ่มขึ้น 5% เป็น 34,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4% เป็น 9,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Experiences) ได้แก่ สวนสนุก, รีสอร์ต, การล่องเรือ และสินค้าบริโภค เป็นแหล่งรายได้ใหญ่อันดับ 2 รองจากธุรกิจบันเทิงที่ทำรายได้ 41,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ แต่กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจบันเทิงต่ำกว่า โดยทำได้ 3,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดิสนีย์คาดการณ์ว่ากำไรของธุรกิจ Experiences จะเติบโต 6-8% ในปีงบประมาณ 2025 โดยที่ยังไม่ได้รวมโครงการขยายพื้นที่ใหม่ การสร้างเครื่องเล่นใหม่ และการปรับธีมสถานที่ในอนาคต
ส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 10 ปีของดิสนีย์ประกอบไปด้วยการเปิดพื้นที่ใหม่ที่ซ่อนอยู่หลัง Big Thunder Mountain Railroad ใน Magic Kingdom Park, พื้นที่ธีม Land of the Dead จากภาพยนตร์ Coco ที่ Disneyland และการต่อสู้กับ King Thanos ใน Avengers Campus ที่ California Adventure
ในระหว่างนี้ดิสนีย์ใช้กลยุทธ์เพิ่มรายได้ผ่านการขึ้นราคาบัตร การจัดกิจกรรมบันเทิงในสวนสนุก และข้อเสนอพิเศษที่จำกัดเวลา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมา สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้มาเป็นประจำ การเปิดตัวเครื่องเล่นใหม่หรือพื้นที่ธีมใหม่สามารถเป็นแรงจูงใจสำคัญ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาดิสนีย์เพิ่มพื้นที่ธีม Star Wars 2 แห่ง, พื้นที่ธีม Marvel และเครื่องเล่นใหม่อย่าง Cosmic Rewind ที่ Epcot และรถไฟเหาะ TRON ที่ Magic Kingdom รวมถึงการปรับธีม Splash Mountain ด้วยตัวละครจาก The Princess and the Frog
ขณะเดียวกัน ลูกค้าที่มาบ่อยครั้งหรือเป็นประจำทุกปีอาจต้องการเพียงแรงกระตุ้นเล็กน้อย เช่น การแสดงสด, การพบปะตัวละคร, อาหาร, เทศกาล, ขบวนพาเหรด และการแสดงดอกไม้ไฟ
ภาพ: Justin Shin / Getty Images
อ้างอิง: