นับเป็นข่าวใหญ่สุดๆ ของแวดวงธุรกิจและวงการฮอลลีวูด เมื่อผู้ถือหุ้นของทั้งฝั่ง Disney และ 21st Century Fox ได้อนุมัติข้อตกลงดีลซื้อกิจการมูลค่ากว่า 71,300 ล้านเหรียญสหรัฐแล้วเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศสหรัฐอเมริกา
ผู้บริหารของทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมความบันเทิงได้อนุมัติให้ข้อเสนอมูลค่ากว่า 71,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.37 ล้านล้านบาท จากฝั่ง Disney เข้าวินครอบครองธุรกิจของ 21st Century Fox ได้ทั้งหมด โดยคาดว่าการควบรวมธุรกิจทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019
ก่อนหน้านี้ดีลซื้อ-ขายกิจการของทั้งสองบริษัทต้องยืดเยื้อกินเวลากันข้ามปี สืบเนื่องจากระเบียบการจัดการต่างๆ ตลอดจนการเข้ามาร่วมประมูลของ Comcast ที่สุดท้ายเป็นฝ่ายยอมถอยไปด้วยข้อเสนอที่ต่ำกว่าราว 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อข้อตกลงการซื้อขายลุล่วงเช่นนี้ก็จะเท่ากับว่า 21st Century Fox ได้เปิดทางให้ Disney กลายเป็นเจ้าของสินทรัพย์ในฝั่ง 21st Century Fox ทั้งหมด ครอบคลุมตั้งแต่ 20th Century Fox Studios, FX Networks, National Geographic Partners และยังได้สิทธิ์การครอบครองคาแรกเตอร์ฮีโร่ชื่อดังกลับคืนสู่บ้านเกิดอีกด้วย เช่น X-Men, Fantastic Four, Deadpool
นอกจากนี้ Disney ยังจะกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของสิทธิ์การผลิตภาพยนตร์และการ์ตูนชื่อดังอย่าง Avatar, The Simpson, Ice Age และ Planet of the Apes ฯลฯ (เดิมทีทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของ 20th Century Fox)
บ็อบ ไอเกอร์ ประธานกรรมการบริหาร Walt Disney เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า “พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัทได้อนุมัติให้พวกเราก้าวไปข้างหน้า และยังมั่นใจในความสามารถของเราที่จะสรรสร้างมูลค่าที่สำคัญในระยะยาวผ่านการเข้าครอบครองสินทรัพย์ลำดับต้นๆ ของ 21st Century Fox”
ดีลในครั้งนี้นอกจากจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แฟนๆ ฮีโร่ของ Marvel ทั้งหลายแล้วก็นับเป็นการต่อจิ๊กซอว์ทางธุรกิจที่สำคัญของฝั่ง Disney และยังเปิดทางให้พวกเขามีทรัพยากรในมือมากขึ้นเพื่อเตรียมเดินหน้าทิ้งห่างคู่แข่งในอุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลก และพร้อมลุยตามแผนการสร้างบริการสตรีมมิงออนดีมานด์เป็นของตัวเองภายในปี 2019
อ้างอิง:
