วานนี้ (28 กุมภาพันธ์) ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปภ. ได้เข้าชี้แจงงบประมาณต่อคณะอนุกรรมาธิการด้านการปกครองในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สภาผู้แทนราษฎร โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ปรับลดงบประมาณรายการจัดหาอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ซึ่งเป็นสรรพกำลังเครื่องจักรกลต้านสาธารณภัยที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปฏิบัติภารกิจแก้ไขและบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยที่เข้าถึงยากและมีความอันตราย
อย่างไรก็ตาม ปภ. จะหารือและจัดเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของคณะอนุกรรมาธิการฯ ในขั้นตอนต่อไป เพื่อให้มีการจัดหาเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัยในการเตรียมความพร้อม และตอบสนองในการจัดการสาธารณภัยในปัจจุบันซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ปภ. มีเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 ประจำการในหน่วยบินเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเผชิญเหตุและตอบโต้ภัยพิบัติฉุกเฉิน เช่น การเข้าระงับเหตุอัคคีภัยในอาคารสูง การดับไฟป่า การช่วยเหลือและขนย้ายผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงยากลำบาก รวมจำนวน 4 ลำ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาสาธารณภัยทั่วประเทศ ปภ. จึงได้บริหารจัดการทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยส่งเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการในจังหวัดต่างๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาสาธารณภัยในระดับพื้นที่
ทั้งนี้ หากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายการดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาสาธารณภัย จึงจำเป็นต้องมีจำนวนเพียงพอในการหมุนเวียนสับเปลี่ยนการปฏิบัติงานของเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 ให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยตามหลักนิรภัยการบิน รวมถึงสามารถแก้ไขปัญหาและบรรเทาสาธารณภัยแก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากภัยพิบัติ รวมถึงสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 เข้าประจำการในหน่วยบิน ปภ. เมื่อปี 2562 จนถึงปัจจุบัน (กุมภาพันธ์ 2567) มีจำนวนรวม 4 ลำ โดยในช่วงที่ผ่านมา ปภ. ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 เข้าปฏิบัติภารกิจสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ภารกิจดับไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือร่วมกับกองทัพภาคที่ 3, ภารกิจควบคุมเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จังหวัดสมุทรปราการ, ภารกิจดับไฟป่าเขาแหลม จังหวัดนครนายก, ภารกิจการขนส่งสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งทำการฝึกการป้องกันระงับอัคคีภัยในอาคารสูง และการฝึกซ้อมค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการดับเพลิงพื้นที่อาคารหรือตึกสูง รวมถึงภารกิจค้นหาและกู้ภัย โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์กู้ภัยดับเพลิง รอกไฟฟ้า เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงมีถังบรรทุกน้ำขนาด 3,000 ลิตร และกระเช้าตักน้ำขนาด 5,000 ลิตร จึงถือเป็นสรรพกำลังสำคัญของประเทศที่สามารถตอบโจทย์ในด้านศักยภาพ ทั้งการป้องกัน การลดผลกระทบ การเผชิญเหตุ การบรรเทาสาธารณภัย การให้ความช่วยเหลือประชาชน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสาธารณภัย