วันนี้ (26 กรกฎาคม) เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังยังคงคาดการณ์ผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 1.2-1.8% ตลอดทั้งโครงการ โดยตัวเลขดังกล่าวคิดและวิเคราะห์จากโมเดลทางเศรษฐกิจและทาง Econometrics
อย่างไรก็ดี เผ่าภูมิกล่าวย้ำว่า ผลของโครงการดังกล่าวอาจแปรเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของเงิน เงื่อนไขโครงการ จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ และพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้รับสิทธิเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ 2567 โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมว่า ในการประชุมนัดแรกของ กมธ.งบเพิ่มเติม 2567 กระทรวงการคลังประเมินผลจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใหม่แล้ว จากเดิมที่บอกว่าเศรษฐกิจจะโต 1.2-1.8% เหลือ 0.9% และอาจปรับลดลงอีก เพราะเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม เปลี่ยนแหล่งที่มาและวงเงินในการทำโครงการ
อย่างไรก็ดี เผ่าภูมิระบุอีกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีผลในเชิงบวกที่ไม่ได้เป็นเม็ดเงินอีกมาก ตัวอย่างเช่น ผลต่อเศรษฐกิจดิจิทัล, โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัล, การลดความเหลื่อมล้ำ และการกระจายรายได้ ที่มาจากการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เช่น การใช้จ่ายในระดับอำเภอเท่านั้น เป็นต้น
นอกจากนี้ ดิจิทัลวอลเล็ตยังอาจสร้างผลกระทบต่อที่ 2 (The Second Round Effect) เช่น กระตุ้นการจ้างงานและการผลิตไปเรื่อยๆ
ห่วงคนลงทะเบียนน้อย อาจกระตุ้น GDP ได้ไม่ตามเป้า
เผ่าภูมิกล่าวอีกว่า หากคนร่วมโครงการเยอะก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจเยอะ และคนร่วมโครงการน้อยก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจน้อย โดยตัวเลขประเมินผลต่อเศรษฐกิจที่ 1.2-1.8% มาจากการคาดการณ์ผู้เข้าร่วมโครงการของรัฐก่อนหน้าอื่นๆ ที่ 85-100%
“สมมติมีผู้ลงทะเบียนเพียง 1 ล้านคน ตัวเลข 1.2-1.8% ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้” เผ่าภูมิกล่าว
