คณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท (ชุดเล็ก) เตรียมเสนอคณะกรรมการ ดิจิทัลวอลเล็ต (ชุดใหญ่) ให้ปรับกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับโครงการเหลือ 4.5 แสนล้านบาท จากเดิม 5 แสนล้านบาท จากการประมาณการว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 90% จากเป้าหมาย 50 ล้านคน ในการประชุมวันที่ 15 กรกฎาคมนี้
พร้อมเปลี่ยนแหล่งเงินโครงการนี้เป็น มาจาก 2 แหล่งแทน ได้แก่
- งบประมาณปี 2567 วงเงิน 1.65 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท และงบประมาณจากการบริหารจัดการอื่นๆ 4.3 หมื่นล้านบาท
- งบประมาณปี 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณประจำ 1.527 แสนล้านบาท และงบจากการบริหารจัดการอื่นๆ 1.323 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการฯ ยังปรับปรุงเงื่อนไขรายการสินค้าต้องห้ามร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Negative List) โดยเพิ่มสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน เข้าไป เนื่องจากต้องการให้เม็ดเงินดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นการใช้จ่ายกับสินค้าที่ผลิตในประเทศ
ด้าน เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึง 1.3-1.8% (เท่าประมาณการเดิม) แม้มีการปรับวงเงิน
ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในรายการ Morning Wealth ของ THE STANDARD WEALTH ว่ารัฐบาลจะรู้ตัวเลขการลงทะเบียนของประชาชนก่อนสิ้นเดือนกันยายน พร้อมยืนยันว่าสุดท้ายไม่ว่าประชาชนจะลงทะเบียนมากเท่าไร รัฐบาลก็จะมีงบประมาณมากพอที่จะ Earmark ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 แน่นอน
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย