×

หลากความเห็น ว่าที่นายก อบจ.ปทุมธานี หยุดปฏิบัติหน้าที่ ชูศักดิ์ชี้ อำนาจอยู่ที่ศาล ปิยบุตรระบุ กกต. ต้องรับรอง แสดงสปิริตลาออก

โดย THE STANDARD TEAM
03.07.2024
  • LOADING...

วันนี้ (3 กรกฎาคม) ที่รัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการสั่ง ชาญ พวงเพ็ชร์ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อบจ.ปทุมธานี หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ในความเห็นของตนคิดว่า เรื่องที่กฤษฎีการะบุว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นเรื่องของมติทั่วไป ซึ่งคนที่พ้นจากตำแหน่ง และกลับมามีตำแหน่ง แล้วมีคดีแบบนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นี่คือคดีทั่วไป 

 

แต่ในกรณีของชาญนั้น เมื่อมีคำร้องที่ศาลอาญาทุจริตแล้ว ซึ่งศาลมีอำนาจในการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อมีคำร้องไปที่ศาลเพื่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นเรื่องที่ศาลต้องสั่ง ไม่ใช่เป็นเรื่องของใครที่จะสั่ง สิ่งที่สำคัญคือ เมื่อเรื่องไปที่ศาลแล้ว และหากศาลประทับรับฟ้องแล้ว ศาลมีอำนาจทางกฎหมายที่จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งควรจะเป็นไปตามแนวนี้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่า กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องนี้ ชูศักดิ์กล่าวว่า ใครเป็นโจทก์ก็ควรที่จะยื่นคำร้องเข้าไป เมื่อเรื่องไปถึงศาล ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยไม่ใช่อำนาจของมหาดไทย

 

ปิยบุตรชี้ ควรแสดงสปิริตด้วยการลาออก

 

ขณะที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงความคิดเห็นทางกฎหมายว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการออกแบบระบบกฎหมายที่เกี่ยวกับคดีทุจริตของนักการเมืองที่มีการลักลั่น ถ้าไปสมัครรับเลือกตั้งแต่มีคดีที่ยังอยู่ในศาลก็สามารถสมัครได้ แต่ถ้าสมัครแล้วได้เป็นกลับถูกสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคดีแบบนี้ต้องใช้เวลานานเป็น 10 ปี 20 ปี ทางแก้มี 2 ทาง 

 

  1. ใครก็ตามที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยคดีในลักษณะนี้ ควรที่จะแสดงสปิริตด้วยการลาออก เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ ใครก็ตามที่ถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้ พรรคการเมืองและตนเองไม่ควรที่จะลงรับสมัคร 

 

  1. แก้ด้วยกฎหมาย ที่มีความยุ่งยาก เพราะใครที่โดนคดีห้ามลงสมัครเลยก็ไม่เป็นธรรมกับเขา เพราะเขายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็จะมีปัญหาตามมาว่าเป็นการตัดสิทธิเกินเหตุ  ดังนั้นการแก้ด้วยสปิริตนั้นสำคัญ ถ้าหากโดนกล่าวหาแบบนี้ก็ลาออกเสีย หรือไม่กลับมาลงสมัครอีกแล้ว รอจัดการตนเองให้เสร็จ แต่ในกรณีนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว 

 

เรื่องดังกล่าวการตีความทางกฎหมายตีได้ 2 แนวทาง

 

  1. ตามความเห็นของกฤษฎีกา หากมีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว เมื่อกลับมาดำรงตำแหน่งใหม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ต่อเลยโดยไม่ต้องออกคำสั่งเพิ่ม

 

  1. ให้เข้าไปดำรงตำแหน่งก่อน แล้วให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้กำกับดูแลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

 

“แต่ไม่ว่าจะเป็นแนวทางไหน หากพิจารณาจากคำพิพากษาของศาลตามมาตรา 81 เมื่อศาลรับฟ้องก็ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ เว้นแต่ศาลมีคำสั่งอย่างอื่น เมื่อศาลไม่ได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ถือว่าต้องหยุดโดยอัตโนมัติ”

 

ปิยบุตรกล่าวอีกว่า ทั้งสองแนวทางนี้ล้วนมีความต่าง กล่าวคือ หากสั่งให้หยุดต่อเนื่องเลยคนที่รักษาการแทนคือ ปลัด อบจ. ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ แต่หากให้ชาญเข้าไปดำรงตำแหน่งก่อน คนที่รักษาการจะกลายเป็นรองนายก อบจ. ส่วนทางออกเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ตนคิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งก็จะประกาศรับรองถ้าไม่มีเรื่องอื่น

 

“ในความเห็นของผมเรื่องนี้มันควรจะเป็นเรื่องของสปิริต เรื่องทุจริตเราไม่สามารถแก้ด้วยกฎหมายทั้งหมด อย่างพวกผมสมัยที่ยังเป็นอนาคตใหม่ ตอนนี้เป็นก้าวไกล เราตรวจสอบแบบนี้เหมือนกัน หากใครมีคดี เราก็จะไม่ให้ลงสมัคร เพื่อตัดปัญหา หรือหากใครมีคดีในลักษณะนี้ก็ควรที่จะลาออก อย่างกรณีของพรรคภูมิใจไทยก็เลือกที่จะลาออกเลย ผมว่าเราควรใช้สปิริต เพราะหากใช้กฎหมายจะเกิดการลักลั่นอีก ตอนสมัครลงได้ แต่พอเป็นแล้วเป็นไม่ได้” ปิยบุตรกล่าว 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี สนับสนุนชาญนั้น ได้ประเมินความนิยมหรือไม่ ปิยบุตรกล่าวว่า ตอนนี้ยังแค่ 1 จังหวัด ยังตัดสินอะไรไม่ได้ ในความเห็นส่วนตัวมองว่าทักษิณยังไม่ได้เดินหน้าเต็มที่ 

 

ส่วนตัวคิดว่าการเมืองก็เป็นแบบนี้ ต้องแข่งกัน 2 ฝ่าย มีบุคลากรสำคัญ มีคนที่ได้รับความนิยม ต้องนำมาใช้ช่วยเหลือกันเป็นเรื่องปกติ และมองด้วยความสนุกตื่นเต้นว่าอยากให้เป็นแบบนี้แหละ การเมืองในมุมของประชาธิปไตยที่ต้องแข่งขันกันระหว่างหลายพรรค แต่ละพรรคแข่งกันทำประโยชน์ นำเสนอนโยบายต่อประชาชน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X