ถ้านับทั้งเวอร์ชันภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ บทประพันธ์เรื่อง ดงดอกไม้ ของนันทนา วีระชน ได้รับการรีเมกมาแล้วทั้งหมด 5 ครั้งในชื่อที่แตกต่างกันไป ทั้งไฟเสน่หา, ต้นรักดอกงิ้ว และดงดอกไม้ ส่วนครั้งล่าสุดเป็นเวอร์ชันของ CHANGE 2561 เพิ่งออกอากาศทางช่อง one31 ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
จะว่าไปบทประพันธ์ดงดอกไม้ก็ครบสูตรละครไทย ว่าด้วยเรื่องราวของผู้ชายเจ้าชู้ที่เห็นผู้หญิงเป็นดอกไม้ริมทาง จนกลายเป็นความวุ่นวายชิงรักหักสวาท แต่ในเวอร์ชันล่าสุดทางผู้จัดดัดแปลงบทประพันธ์ออกมาเป็นละครดงดอกไม้แบบใหม่แบบสับ ชูเรื่องราวชีวิตผู้หญิงยุคใหม่ที่ทั้งสนุกและแซ่บนัว
ดงดอกไม้เป็นเรื่องราวของพงษ์ดนัย (พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน) หนุ่มเนื้อหอมทายาทอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยที่มองผู้หญิงเป็นเหมือนดอกไม้ริมทาง ทั้งๆ ที่มีภรรยาแล้วคือ ถิ่นสมร (เบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) แต่ก็ยังคบหาผู้หญิงอีกหลายคน ทั้งเกลียวเกศ (พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช) ผู้หญิงเก่งที่เขาใช้เสน่ห์มัดใจให้เธอบริหารงานในบริษัท, บัวริน (มิว-ลักษณ์นารา เปี้ยทา) คนรับใช้ในบ้าน รวมถึงชิดสมัย (พิม-พิมประภา ตั้งประภาพร) นิติศาสตรบัณฑิตจบใหม่ที่หลงเข้ามาอยู่ในวังวนความรักครั้งนี้ด้วย
และด้วยพฤติกรรมเสเพลของพงษ์ดนัย ทำให้พ่อของเขาวางหมากให้บุญผเรศน์ (นิว- ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ) น้องชายต่างแม่เข้ามาบริหารงานแทน กลายเป็นเรื่องราวการแย่งชิงอำนาจในบริษัท และชิงรักหักสวาทของผู้หญิงทั้ง 4 คนที่อาจจะเป็นดอกไม้ที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้รอบตัว
“ฉันเคยคิดว่าฉันโชคดีที่เกิดเป็นผู้หญิงสมัยนี้ ยุคสมัยที่พวกเราเก่งขึ้น ฉลาดขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น ฉันเคยคิดว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมเป็นดอกไม้ให้ผู้ชายทำลายและย่ำยีอีกแล้ว เว้นเสียแต่ว่ามันยังเกิดขึ้นกับฉันและผู้หญิงอีกหลายคนที่ฉันรู้จัก พวกเราถูกทำร้ายจากผู้ชายเพียงคนเดียว” ชิดสมัย
ประโยคเปิดเรื่องก็พอจะเห็นแนวทางได้ว่าในเวอร์ชันนี้จะพูดถึงความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ถูกสังคมกดทับในหลายรูปแบบ และที่ชอบมากคือการเอาประเด็นปัจจุบันขึ้นมาเล่า ทั้งการถูกคุกคามทางเพศในที่ทำงาน กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ค่อยเข้าข้างเหยื่อสักเท่าไร การถูกกำหนดกรอบคนของยุคเก่าว่าผู้หญิงมีหน้าที่อย่างไร และแนวคิดชายเป็นใหญ่ที่ยังคงมีอยู่ในการทำงานปัจจุบัน
โดยสะท้อนผ่านคาแรกเตอร์ผู้หญิงแบบต่างๆ จากตัวละครที่ถูกปรับเปลี่ยน ทั้งบทชิดสมัยกับภาพเด็กรุ่นใหม่ที่มีทั้งความมุทะลุ กล้าได้กล้าเสีย รักความยุติธรรม และมั่นใจในตัวเอง แต่ยังต้องอยู่กับย่าที่จะจับแต่งงานท่าเดียว, บทถิ่นสมรก็ถูกปรับจากเมียน้อยผู้ยอมทุกอย่าง กลายเป็นเมียหลวงสุดพารานอยด์ ผู้สร้างภาพว่าครอบครัวสมบูรณ์แบบ และเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความรัก แม้จะไม่ได้อะไรกลับคืนมาก็ตาม และบทเกลียวเกศ จากบทเมียหลวงทะลวงสังหารก็กลายเป็นผู้หญิงเก่งที่ยอมตกอยู่ในสถานะเมียน้อย ผู้มีความซับซ้อนและเป็นผู้คุมเกมของเรื่อง
สำหรับ 3 ตอนแรกที่ออกอากาศ ก็ต้องบอกว่าบทของเกลียวเกศค่อนข้างโดดเด่น ด้วยการวางคาแรกเตอร์ความเป็นผู้หญิงเก่ง ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเยอะ เป็นสาวนักสู้ที่ต้องมาอยู่เหนือผู้ชาย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความรัก โดยเล่าผ่านภาษากายและคำคมมากมาย
ส่วนที่ชอบมากคือการวางแผนหาทางลงให้กับสถานการณ์บางอย่างที่ผลลัพธ์ออกมาสะใจคนดู โดยที่ไม่ต้องกรี้ยวกราดหรือตบตี นี่แหละคือคาแรกเตอร์ที่ควรมีในละครไทย
ต้องบอกว่าพิ้งกี้ที่มารับบทนี้ถือว่าเป็น MVP ของเรื่อง ทั้งการแสดง การใช้เสียง และการสร้างบุคลิกที่ทั้งน่าเกรงขาม อ่อนไหว และมีจุดมุ่งหมายบางอย่างซ่อนอยู่ น่าเสียดายที่เกิดคดีความเสียก่อน และค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าเธอจะไม่กลับมารับบทนี้ แม้จะได้รับการประกันตัวออกมาแล้วก็ตาม
ส่วนพิมในบทชิดสมัยก็ถือได้ว่าแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ และสะท้อนภาพเด็กผู้หญิงยุคใหม่ได้แบบไม่รู้สึกสะดุดเลย ก็ต้องดูตอนต่อไปว่าบทบาทนี้จะพัฒนาไปได้อีกไกลแค่ไหน
อีกอย่างที่น่าสนใจคือการรับส่งบทสอดแทรกประเด็นสมัยใหม่เข้าไปกับบทสนทนาได้ค่อนข้างลงตัว เช่น เรื่องเส้นสายราชการ และการผูกขาดทางธุรกิจ รวมทั้งการผลิตคำคมต่างๆ ที่ดูเข้าปาก และเหมาะสมกับสถานการณ์ในเรื่องแบบไม่ดูยัดเยียดจนเกินไป ที่สำคัญคือการวางหมากวางเกมให้เหตุการณ์บางอย่างที่สร้างความสะใจให้คนดู แต่ก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวละครนั้นเองในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ดงดอกไม้ในเวอร์ชันนี้ก็ยังมีฉากตบตีอยู่หลายฉากตามสไตล์ CHANGE 2561 ซึ่งถ้าหากจะพัฒนาให้เป็นการเชือดเฉือนกันด้วยท่าทางหรือวาจาก็น่าจะดีกว่านี้ อีกอย่างคือไหนๆ จะเปลี่ยนบทแล้ว ผู้เขียนก็อยากให้เปลี่ยนชื่อตัวละครไปด้วย เพราะฟังดูเชยจนไม่เข้ากับประเด็นเนื้อหาใหม่ๆ ในเรื่องเลย แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าเป็นการตีความดงดอกไม้แบบใหม่ได้ร่วมสมัยทีเดียว
ดงดอกไม้ ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง one31 และดูย้อนหลังได้ที่ iQiyi 22.30 น.
ภาพ: ดงดอกไม้