วันนี้ (5 ตุลาคม) พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกและแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จะร่วมชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง โดยขณะนี้แกนนำยังไม่ได้แจ้งการชุมนุมตาม พ.ร.บ. การชุมนุมในที่สาธารณะ
แต่ตำรวจนครบาลได้เตรียมกำลังเฉพาะตำรวจนครบาลประมาณ 20 กองร้อย และยึดหลักปฏิบัติตามแผนการชุมนุม 63 ส่วนการชุมนุมจะยื้ดเยื้อ 7 วัน 7 คืน ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศไว้หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ เพราะต้องรอการแจ้งการชุมนุมก่อน และแผนการปฏิบัติก็จะปรับเปลี่ยนไปตามการชุมนุม โดยจะเน้นการดูแลความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมและอำนวยความสะดวกประชาชนร่วมไปด้วย
ขณะเดียวกันฝ่ายสืบสวนได้ประสานกับแกนนำเพื่อขอทราบถึงแผนการชุมนุมเพื่อที่จะได้จัดการชุมนุมแล้ว โดยเฉพาะการจัดการจราจรที่อาจจะส่งผลกระทบ จะได้จัดเส้นทางหลีกเลี่ยง
สำหรับนโยบายของ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่มีคำสั่งให้ยกเลิกตั้งด่านตรวจทุกชนิด เว้นแต่ด่านความมั่นคง หรือถาวรป้องกันเหตุ หรือตรวจยาเสพติดตามต่างจังหวัด เพื่อให้แต่ละหน่วยจัดทำแผนการตั้งด่านให้มีมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะแนวทางการปฏิบัติให้เป็นระเบียบสอดคล้องกัน
ขณะนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการไปแต่ละกองบังคับการให้ทุกสถานีตำรวจคัดเลือกจุดล่อแหลมที่เกิดเหตุอาชญากรรมบ่อยครั้ง หรือจุดที่ต้องการรักษาความปลอดภัย แล้วเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามลำดับชั้น เพื่อตั้งด่านตรวจได้
พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ยังระบุว่า แม้จะมีคำสั่งให้ยกเลิกตั้งด่านตรวจ แต่ตำรวจทุกฝ่ายยังมีอำนาจการเรียกตรวจค้นหรือจับกุมผู้กระทำความผิดได้ และคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะได้ข้อสรุปถึงแผนการตั้งด่านตรวจ ส่วนกรณีที่ประชาชนร้องเรียนการเรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจประจำด่านตรวจ เชื่อว่ามีเพียงบางส่วน ซึ่งหลังจากแผนนี้ทำเสร็จ ผู้กำกับการแต่ละสถานีตำรวจจะต้องคัดเลือกนายตำรวจที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในด่านตรวจด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล