วันนี้ (6 พฤษภาคม) พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เผยแพร่ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30
กรณีที่ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) พร้อมตำรวจภูธรจังหวัด (ภ.จว.) สุราษฎร์ธานี และสถานีตำรวจภูธร (สภ.) ขุนทะเล จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ที่นำเด็กมาแสวงหาประโยชน์ทางเพศ
โดยมีการดำเนินคดีข้าราชการระดับรองอธิบดีในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่โทรศัพท์ไปบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อแทรกแซงกระบวนการสืบสวนสอบสวนกระบวนการค้ามนุษย์ และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กคนหนึ่งที่ทำร้ายร่างกายเด็ก ขู่ไม่ให้ซัดทอดผู้ใช้บริการ
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ทำไมจึงทราบว่าระดับรองอธิบดีจากส่วนกลางโทรไป ‘เป่าคดีซื้อเด็ก’
พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เริ่มคดีมาสองเดือนกว่าแล้ว ตั้งแต่ตรวจพบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ใช้บริการทางเพศเด็ก ซึ่งผู้ต้องหากลุ่มแรกมี 11 คน มีทั้งทหาร หมอ ลูกอดีตนักการเมือง โดยลูกอดีตนักการเมืองมีประวัติทั้งเคยฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐ เคยข่มขืนกระทำชำเราเด็ก เคยถูกตำรวจจับกุมไปแล้ว จากพฤติการณ์ทราบว่ามีการกัดหัวนมเด็ก ในส่วนนี้จับกุมดำเนินคดีไปแล้ว
แต่หลังจากนั้นมา เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการสอบสวน เด็กก็อยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ก็คือบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี
“ผมเองหลังจากสรุปสำนวนส่งอัยการในชุดแรกแล้วก็ไปทำเรื่องอื่น ต่อมาทราบข้อมูลจากทั้ง NGO และประชาชนในพื้นที่ ทราบว่ามีการทำร้ายร่างกายเด็ก ผมก็สั่งให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปดู
หลังจากนั้นก็ฉงนใจ จึงให้ชุดทำงานของผมลงไปเองจากกรุงเทพฯ ไปตรวจสอบ พบว่าจากคำให้การของหัวหน้าบ้านพักเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นคนรักเด็ก ให้การยืนยันว่าเด็กถูกทำร้ายร่างกายจริง มีการใช้ไม้ทุบตีเด็ก และอีกส่วนมีความพยายามจะพูดให้สินบนเด็ก โดยบอกว่าจะให้โน่นให้นี่ แต่มีอะไรจะขอบ้าง
จากการสอบสวนหัวหน้าบ้านพักเด็กจังหวัดสุราษฎร์คนที่เริ่มในกระบวนการกล่าวหา หัวหน้าบ้านพักเด็กยืนยันว่า มีรองอธิบดีท่านหนึ่งโทรศัพท์มาหาหัวหน้าบ้านพักเด็กเพื่อจะให้หยุดการดำเนินการ
ผมเรียนว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการสืบสวนสอบสวนกระบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งมีกฎหมายกำหนดเป็นความผิดอยู่แล้ว อีกส่วนหนึ่งในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งรองอธิบดีและเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก ทั้ง 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทั้งคู่ ดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 157 ด้วย ดำเนินการไป 2 ส่วน เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วผมก็ลงไปเอง”
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ระดับรองอธิบดีจากกรุงเทพฯ ที่โทรไปหาหัวหน้าบ้านพักเด็ก วัตถุประสงค์คือต้องการให้ช่วยปิดปากเด็ก ไม่ให้เปิดข้อมูลผู้ใช้บริการใช่หรือไม่
พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ถูกต้อง รองอธิบดีไม่ต้องการให้ขยายผลต่อ เพราะหลังจากตนลงไปขยายผลเพิ่มเติมก็พบผู้ใช้บริการเพิ่ม จากเดิมมี 11 คน พบผู้ใช้บริการเพิ่มอีก 18 คน มีลูกอดีตนักการเมืองด้วย
ผู้ดำเนินรายการถามว่า รองอธิบดีมีธงต้องการเซฟลูกชายอดีตนักการเมืองใช่หรือไม่
พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังจากหัวหน้าบ้านพักเด็กซึ่งเป็นผู้เสียหาย เป็นผู้กล่าวหา เขาก็ไม่ได้ระบุยืนยันอย่างนั้น เขาเพียงแต่บอกว่าไม่ให้มีการดำเนินการต่อ ไม่ให้มีการตรวจสอบต่อ ให้หยุดอยู่แค่นี้
ผู้ดำเนินรายการถามว่า พูดกันง่ายๆ ต้องการจะปิดปากเด็ก ไม่ให้เด็กเปิดข้อมูลผู้ใช้บริการ
พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ใช่
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวถึงรองอธิบดีคนดังกล่าวว่า เคยรับราชการในสุราษฎร์ธานีมาก่อน
ในส่วนการสืบสวนมีข้อมูลอยู่มากพอ ไม่อย่างนั้นคงไม่ดำเนินการเช่นนี้ หลังการดำเนินคดีมีคนมาให้เบาะแสและข้อมูลเยอะ ขณะนี้สิ่งที่กำลังดำเนินการต่อคือประมวลข้อมูลทั้งหมดเพื่อเสนอศาลขอเพิกถอนการประกันตัว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนศาลไต่สวน ถ้าไปยุ่งในพยานหลักฐาน ตนก็สั่งให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนประมวลเพื่อขอเพิกถอนการประกันตัวทั้งหมด
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ได้เรียกรองอธิบดีมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วหรือยัง
พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังมีการกล่าวหาดำเนินคดีแล้วยังไม่มีการเรียกรองอธิบดีมารับทราบข้อกล่าวหา เพราะจะต้องสำนวนส่งไป ป.ป.ช. ก่อน เนื่องจากมีความผิดตามมาตรา 157 ด้วย แต่ดำเนินคดีอาญาแล้ว หลังจากนั้น ถ้า ป.ป.ช. พิจารณาจะดำเนินการเอง หรือส่งสำนวนกลับมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการ ขั้นตอนต่อไปก็จะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนนี้ก็ไม่นาน โดยจะส่งสำนวนการสอบสวนให้ ป.ป.ช. ได้ในสัปดาห์หน้า
พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่เป็นลูกอดีตนักการเมืองเคยถูกจับกุมดำเนินคดีแล้วหลายคดี ทั้งข่มขืนกระทำชำเรา ฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนในวันนี้ที่รวบรวมพยานหลักฐานมาก็มีความชัดเจนเพียงพอ
หลังจบการสัมภาษณ์ ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงลูกนักการเมืองซึ่งเป็นผู้ต้องหาว่า พ่อของผู้ต้องหาเป็นนักการเมืองในสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง และแนะนำผู้ชมรายการให้ถอดภาษากายเมื่อผู้สื่อข่าวถาม จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)