ยาสีฟันเดนทิสเต้ ต่อสัญญาจ้าง ลิซ่า BLACKPINK เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ต่อครั้งที่ 3
พร้อมชี้แจงถึงค่าตัว 100 ล้านนั้นคลาดเคลื่อน เพราะอัตราจ้างของกลุ่มสินค้าไม่เหมือนกัน แต่มั่นใจพลัง Gen Z ช่วยดันมูลค่าแบรนด์และยอดขายพุ่งขึ้น 2 เท่า ก่อนย้ำว่าแค่ทำตลาดอย่างเดียวไม่สำเร็จแน่! โปรดักต์ต้องแข็งแรงด้วย
เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพถึงเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เดนทิสเต้ใช้ดาราคู่รักเป็นพรีเซนเตอร์มาโดยตลอด แต่เมื่อปี 2564 ได้คว้าตัว ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ หรือ ลิซ่า BLACKPINK ทำหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นระยะเวลารวมกว่า 2 ปีแล้ว ตอนนั้นเราต้องการเพิ่มกลุ่มคนรุ่นใหม่ ถือว่าประสบความสำเร็จมาก สะท้อนได้จากมูลค่าแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว และผลักดันยอดขายได้ประมาณ 50-100%
ถึงวันนี้เดนทิสเต้เดินหน้าต่อสัญญาจ้างลิซ่า BLACKPINK เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ต่อเป็นครั้งที่ 3 เพื่อต่อยอดการทำตลาด พร้อมยังชี้แจงถึงค่าตัว 100 ล้านที่เคยพูดในช่องทาง TikTok นั้น จริงๆ แล้วเป็นตัวเลขที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอัตราจ้างของกลุ่มสินค้าไม่เหมือนกัน และไม่อยากให้ทุกคนไปโฟกัสที่ตัวเลข
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อาจไม่ใช่ True! บริษัทแม่ปรับนโยบายการรับพรีเซนเตอร์ของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ จะรับเฉพาะแคมเปญระดับ Global หรือ Regional เท่านั้น
- Samsung ดึงลิซ่าขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ Galaxy S10 เผยเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความสร้างสรรค์
“เหตุผลที่ยังคงเลือกลิซ่ามาช่วยสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์นั้น เนื่องจากลิซ่ามีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก และมีภาพลักษณ์ที่เสมือนเป็นตัวแทนที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z และ Gen Alpha ทั่วโลกได้เป็นอย่างดี”
ทางฝั่งลิซ่าเองก็เลือกเดนทิสเต้และใช้งานจริงเช่นกัน เพราะเดนทิสเต้สินค้าเป็นกลุ่มพรีเมียมที่ขายดีมากในเกาหลีจนมีมาร์เก็ตแชร์กว่า 12% และในหลายๆ ประเทศมาร์เก็ตแชร์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
พร้อมกันนี้ลิซ่าทำให้แบรนด์ของเราแข็งแรงและได้ลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ถ้าเทียบกับอดีตจะเป็นกลุ่มคู่รักกว่า 40% และลิซ่าช่วยตอกย้ำความเป็นโกลบอลแบรนด์ได้ เห็นได้จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยที่ซื้อกลับไป 4-5 แพ็ก เพราะอยู่ต่างประเทศราคาสูงมาก
ดร.แสงสุข กล่าวต่อไปว่า หัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์ นอกจากการมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ตรงใจกลุ่มผู้บริโภคแล้ว สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือโปรดักต์ต้องมีความแข็งแรง และต้องมีนวัตกรรมใหม่ออกมาเคลื่อนไหวในตลาดอยู่เป็นระยะๆ โดยที่ผ่านมาได้เปิดตัวยาสีฟันเซรั่มเพิ่มเนื้อฟันขาว Dentiste’ Repaire’ Oral Care Serum หรือยาสีฟันแบบแปรงแห้ง Dentiste’ Anticavity Max Fluoride ออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภค
พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ ‘The New Chapter: DENTISTE’ x The Power of LISA Confident Smile’ สิ่งที่น่าสนใจของโฆษณาตัวนี้คือ ลิซ่ามีส่วนร่วมในการกำกับวางคาแรกเตอร์ และเขียนบทร่วมกับทีมงานจัดทำโฆษณา ถ่ายทอดตัวตนของลิซ่าในฐานะ Lady Boss เส้นทางการเติบโตตั้งแต่การเป็นศิลปิน นักเต้น มาสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจในปัจจุบัน และมีฉากการรับประทานอาหารไทยหลายเมนู จากนั้นเริ่มสื่อให้เห็นภาพสเปรย์ระงับกลิ่นปากของเดนทิสเต้เพื่อเรียกความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
สุดท้ายโฆษณาดังกล่าวจะเป็นโฆษณาเพียงชิ้นเดียวที่ลิซ่าร่วมแสดงในปี 2567 และเดนทิสเต้เตรียมพาลิซ่ามาจัดกิจกรรมในประเทศไทย เชื่อว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมสูงในกลุ่มแฟนๆ ในตลาด และบริษัทคาดหวังว่าจะช่วยดันยอดขายเติบโตเป็นเท่าตัวทั้งในไทยและในอีก 20 ประเทศที่นำเดนทิสเต้เข้าไปทำตลาด
ปัจจุบันภาพรวมตลาดยาสีฟันมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โต 5% ต่อปี ตลาดไม่ได้แบ่งพรีเมียมหรือแมส แต่แบ่งเป็นยาสีฟันช่วยฟันผุ ฟันขาว เสียวฟัน และธรรมชาติ ที่โตมากสุดคือพรีเมียมที่ราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป