วันนี้ (1 มิถุนายน) สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส. เขต 3 จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า สองวันที่ผ่านมาจังหวัดตรังพบผู้ติดเชื้อกว่า 200 ราย วันนี้วันเดียวยอดพุ่งสูงถึง 164 รายจากคลัสเตอร์โรงงานผลิตถุงมือยาง ถือว่ายอดดังกล่าวเป็นยอดสูงสุดในภาคใต้และติดอันดับที่ 4 ของประเทศ จึงอยากวอนขอรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เร่งรัดเรื่องการกระจายวัคซีนลงทุกพื้นที่ก่อนสถานการณ์จะหนักไปกว่านี้
สุณัฐชาได้กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวได้ติดตามเรื่องการจัดสรรวัคซีนให้ประชาชนมาโดยตลอด และติดตามในเรื่องของการจัดซื้อวัคซีนโดยท้องถิ่น นั่นคือ อบจ., อบต. และเทศบาล ย้อนหลังไปปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนเองได้นำเรื่องการจัดหา ‘วัคซีนป้องกันโควิด-19’ เข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและทางออกของวิกฤตโควิด-19 มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าชี้แจงและตอบข้อซักถามอย่างตรงไปตรงมา (ขณะนั้นยังไม่มีวัคซีนเข้าไทย หน่วยงานมีข้อมูลวัคซีนแค่ 3 ตัว เหมือนจะชัดเจนแต่ไม่มีความชัดเจนใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคำตอบแฝงไปด้วยความไม่แน่ใจและไม่แน่นอน) ขณะนั้นทราบว่ารัฐจะเป็นผู้เดียวในการจัดหาวัคซีน เพราะเข้าใจได้ว่าไม่มั่นใจกับการบริหารจัดการของท้องถิ่นและกังวลกับการซ้ำซ้อนและความปลอดภัย จนกระทั่งท้ายที่สุดมีหนังสืออ้างถึงความเห็นของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจากกระทรวงมหาดไทยไม่ให้ท้องถิ่นจัดซื้อในระยะแรกในเดือนกุมภาพันธ์
วันนี้ 4 เดือนผ่านไป ถึงแม้จะเริ่มมีการฉีดวัคซีนในหลายจังหวัดแล้ว แต่โควิด-19 ระบาดหนักกว่าเดิม การบริหารจัดการวัคซีนของภาครัฐพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีปัญหา ทั้งปัญหาการเมืองและการทำงานของหลายฝ่าย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องกลับมาคิดและรีบแก้ไข ระบบ ‘หมอพร้อม’ ที่เคยเป็นความหวัง ก็กลับกลายมาเป็นความช้ำใจ” สุณัฐชากล่าว
สุณัฐชากล่าวต่อไปว่า การเติมเต็มในส่วนที่ขาดน่าจะเป็นทางออกที่ดี ส่วนตัวเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้ อปท. ที่มีความพร้อมเข้ามาเติมเต็มการทำงานของภาครัฐและช่วยเหลือประชาชน จังหวัดตรังเองก็ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมทุกด้าน อบจ. ตรัง นำโดย บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายก อบจ.ตรัง ได้ออกมาประกาศลุยจองวัคซีน Sinopharm จำนวน 80,000 โดส จะทำทันทีหากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นปลดล็อกระเบียบต่างๆ ซึ่งประกาศชัดเจนถึงการทำงานแบบบูรณาการภายในจังหวัด ซึ่ง ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ทำหนังสือขออนุญาตจัดซื้อไปถึงราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ดูแลเรื่องทีมฉีดยาและทะเบียนประวัติไม่ให้ซ้ำซ้อน ตอนนี้ทราบว่าทำงานไปถึงขั้นเตรียมทำระบบลงทะเบียน ส่วนตัวเห็นว่ากรณีจังหวัดตรังมีความพร้อมทุกด้าน เมื่อท้องถิ่นพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดสรรงบประมาณ โดยมีแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญเป็นคนดูแลเรื่องฉีดวัคซีนและประเมินอาการ ภาครัฐก็ไม่น่าจะเหลือข้อกังวลใดๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงสับสนหลังจากที่สองวันก่อน วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ไม่ต้องผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กระทรวงมหาดไทยอนุญาตก็ทำได้ โดยให้ท้องถิ่นจัดซื้อตรงจากราชวิทยาลัย แต่ดูความหวังจะลดน้อยลง เมื่อ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาให้สัมภาษณ์เช้าวานนี้ว่ากระทรวงมหาดไทยไม่ได้ล็อกเรื่องนี้ไว้ แต่เป็นเรื่องของ ศบค. และการตีความคำว่า ‘ระยะแรก’ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน
“ฉะนั้น รัฐบาล-ศบค. ควรเร่งหาข้อสรุป ให้ ‘อบจ.’ ที่พร้อมเสนอตัวเข้าช่วยรัฐจัดซื้อวัคซีน Sinopharm สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประชาชนในพื้นที่ก่อนจะสายเกินไป และขอขอบคุณผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่ออกมาแสดงความพร้อมของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการสนับสนุนเรื่องดังกล่าว โดยพร้อมแนะเรื่องการใช้เงินของท้องถิ่น ถือว่าปรับตัวทันต่อสถานการณ์” สุณัฐชากล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
