วันนี้ (27 มีนาคม) เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าร่วมประชุมทีมยุทธศาสตร์เลือกตั้งว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์จัดทำไพรมารีตามกฎหมาย และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจะได้รายชื่อผู้สมัครเขตและบัญชีรายชื่อทั้งหมด
ส่วนเกณฑ์การจัดลำดับบัญชีรายชื่อนั้นจุรินทร์กล่าวว่า วันที่ 29 มีนาคมนี้ จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคและทั้งหมดจะไปยุติที่นั่น เพราะฉะนั้นก็ต้องรอผลจากการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งพรรคก็เคยทำมาตลอดอยู่แล้ว เพราะเรามี ส.ส. บัญชีรายชื่อมาหลายยุคและมีแนวปฏิบัติอยู่แล้ว โดยรูปแบบจะมีการเรียงลำดับตั้งแต่ 1-100 เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคทุกประการ ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น กรรมการบริหารพรรคมีมติไปแล้วและเป็นไปตามนั้นเช่นกัน
“แนวปฏิบัติการจัดลำดับบัญชีนั้นมีอยู่แล้วว่าต้องผสมปนเปกันไป ทั้งผู้อาวุโส คนรุ่นใหม่ ผู้หญิง และหลากหลายภาคส่วนที่จะต้องดูไปตามความเหมาะสม ซึ่งกรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้พิจารณาขั้นสุดท้ายว่าจะเป็นไปทางไหนอย่างไร ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันที่ 4 เมษายน 2566 จะเป็นวันรับสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ฉะนั้นก็ต้องเตรียมพร้อมก่อนวันที่ 4 เพื่อไปยื่นสมัครในวันที่ 4 ตามเวลาที่ กกต. กำหนด” จุรินทร์กล่าว
จุรินทร์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์มีสิ่งที่จะเดินหน้าต่อไปคือ การจัด 3 ทัพ ประกอบด้วย ทัพหัวหน้าพรรค ทัพเลขาธิการพรรค และทัพอดีตหัวหน้าพรรค ที่จะขับเคลื่อนไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อช่วยกันรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคอย่างมีเอกภาพ โดยวานนี้ได้มีการพูดคุยกับท่านชวน ท่านบัญญัติ และท่านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทุกท่านก็พร้อมที่จะเดินหน้าช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับพรรคทั่วประเทศ
ส่วนในพื้นที่ กทม. นั้นจุรินทร์กล่าวว่า ในการเลือกตั้งคราวที่แล้วประชาธิปัตย์ไม่ได้ ส.ส. เลย แต่เที่ยวนี้ตนมั่นใจว่าได้หลายคน และจากการลงพื้นที่ก็มีความมั่นใจว่าทั้งคะแนนบัญชีรายชื่อและ ส.ส. เขต จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้มาหลายที่นั่ง
“เสียงตอบรับจากพี่น้องในหลายพื้นที่ก็มีความใกล้เคียงกัน โดยมีบางคนมาพบและขอโทษที่คราวที่แล้วไม่ได้เลือกประชาธิปัตย์ แต่เที่ยวหน้าจะมาเลือก ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีความคิดอย่างนี้ล่วงหน้าด้วยหัวใจ และความจริงใจของพวกเราทุกคนชาวประชาธิปัตย์ ผมคิดว่าถ้าจะมาช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์อีกครั้ง ท่านคิดไม่ผิดหรอก เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่กับประเทศและไม่เคยทิ้งประชาชน ไม่ว่าภาคไหน ทั้งยามทุกข์และยามสุข ทุกสิ่งที่เราคิด เราทำ ก็ได้คิดตั้งแต่ต้นจนจบ คิดตั้งแต่ ก.ไก่ – ฮ.นกฮูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสรรหาบุคคล เรื่องนโยบาย ที่นอกจากจะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจว่าเราไม่พาประเทศหลงทางแน่นอน เราก็อยู่บนพื้นฐานของการกำหนดทิศทางนโยบายที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบต่ออนาคตของคนไทย ต่ออนาคตประเทศ เพราะเราเป็นพรรคการเมืองที่จะต้องอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ ก็มีข้อพิสูจน์มา 70 กว่าปีแล้ว สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศมั่นใจในการมาช่วยกันสนับสนุน หรือมาเดินคู่ไปกับประชาธิปัตย์ต่อไป” จุรินทร์กล่าว
ส่วนการที่มีผู้สมัครหลายคนจำเป็นต้องเปลี่ยนเขตอย่างกระทันหัน หลังจาก กกต. ได้ประกาศเขตเลือกตั้งออกมานั้น จุรินทร์กล่าวว่า สำหรับ กทม. มีทั้งหมด 4 เขต และได้ประกาศตัวไปวานนี้ (26 มีนาคม) สำหรับผู้สมัครบางท่านอาจจะใหม่ บางท่านก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะพรรคจะลงไปช่วยเต็มที่ และทีมกรุงเทพฯ ก็มีความเข้มแข็ง คนกรุงเทพฯ สามารถประเมินได้ว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจอย่างไร และเราก็ยังมั่นใจว่าแม้มีเวลาเพียง 2 เดือนสำหรับผู้สมัครก็จะลงพื้นที่ในนามพรรค รวมถึงคุณสมบัติก็มีความโดดเด่นทุกคน
สำหรับการที่ศาลปกครองสูงสุดรับคำร้องกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. จุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ขณะนี้ทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติตามที่ กกต. แบ่งเขต จะไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เมื่อ กกต. ประกาศอย่างนี้ ทุกพรรคก็ต้องปฏิบัติไปตามนี้ จนกว่าสมมติว่าอนาคตจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าเราไปรออนาคตว่าจะเปลี่ยนเขตอีกหรือไม่แล้วค่อยตัดสินใจ มันทำไม่ได้ เราก็ต้องทำไปตามกฎหมาย ณ วันนี้ก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ก็พร้อม แม้ กกต. จะเปลี่ยนแปลงเขตในกรุงเทพฯ แต่ประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคแรกที่ประกาศพร้อมสู้ทุกกติกาและพร้อมส่งผู้สมัครครบทั้ง 33 เขตโดยไม่ได้ออกไปโวยวาย ฟ้องร้อง กกต. หรือออกไปทำอะไรให้เกิดความคับข้องใจ พรรคยินดีปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตามกติกาทุกกติกา ซึ่งเป็นจุดยืนประชาธิปัตย์ที่ชัดเจน
นอกจากนี้จุรินทร์ยังกล่าวถึงการประชุมในวันนี้ว่า เป็นการประชุมภายในของพรรค หรือเรียกว่า ‘ประชุมลำโพงประชาธิปัตย์’ โดยผู้ที่มาร่วมประชุมในวันนี้เป็นการซักซ้อมเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคสำหรับผู้ที่จะนำไปขับเคลื่อนต่อ รวมทั้งไปขยายผลทั่วประเทศต่อไป และเป็นอีกเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปัตย์พร้อมแล้วสำหรับก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง