วันนี้ (5 กุมภาพันธ์) ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร จะดำเนินการตรวจสอบข้อร้องเรียนที่อ้างว่า สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ร่ำรวยผิดปกติว่า พรรคประชาธิปัตย์ยินดีและพร้อมให้มีการตรวจสอบอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำเนินนโยบายและเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากว่ากระบวนการตรวจสอบเป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพรรคก็ได้ส่งเสริมและทำหน้าที่ตรงจุดนี้มาโดยตลอด ทั้งนี้ ในกรณีของทรัพย์สินที่ สุชัชวีร์และครอบครัวถือครองอยู่นั้น สุชัชวีร์ก็ได้ชี้แจงต่อสาธารณะมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่าทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีที่สุชัชวีร์ดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ครบ 3 ปี ก่อนจะลาออกเพื่อลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. กับทางพรรคฯ พร้อมกับภรรยาคือ สวิตา ซึ่งทาง กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ของสภาฯ ก็สามารถขอข้อมูลหรือดาวน์โหลดในเว็บไซต์ของทาง ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นได้ และสุชัชวีร์ก็ไม่มีทีท่าปฏิเสธสื่อมวลชนเมื่อถูกถามในประเด็นดังกล่าว เพราะมั่นใจและเข้าใจในวิถีทางของนักการเมืองว่าการตรวจสอบถือเป็นกระบวนการที่ถูกที่ควรของนักการเมืองที่ดี ดังนั้นหากทาง กมธ.ป.ป.ช. จะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป โดยการเชิญสุชัชวีร์ไปชี้แจงนั้น ก็ไม่ใช่ปัญหาของทางสุชัชวีร์อยู่แล้ว แต่เกรงว่าทาง กมธ.ป.ป.ช. เอง อาจจะถูกครหาว่าดำเนินการโดยมีเรื่องการเมืองแอบแฝง ซึ่งท้ายที่สุดเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่เป็นอำนาจของทาง กมธ.ป.ป.ช. ที่รอให้พิจารณานั้นช้ากว่าเรื่องที่เป็นประเด็นทางการเมือง ดังที่ปรากฏผ่านสื่อที่ผ่านมาๆ ในการทำงานของ กมธ. ชุดนี้ด้วย
“ผมเห็นว่าการเปิดประเด็นเรื่องทรัพย์สินของสุชัชวีร์นั้นน่าจะมาจากภายหลังจากที่พรรคก้าวไกลได้เปิดตัว วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่ปรากฏว่ากระแสตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร เพราะขนาดผู้สนับสนุนเองยังบ่นเลยว่าพรรคก้าวไกลควรจะหาคนที่สร้างกระแสให้คน กทม. สนใจได้มากกว่านี้ ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงใช้วิธีการที่ถนัดคือพยายามด้อยค่าบุคคลอื่นให้เท่ากับตัวเอง หรือในวิธีการทางการเมืองแบบเดิมๆ เรียกว่า การดิสเครดิต ซึ่งถึงแม้ว่า ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และหนึ่งใน กมธ.ป.ป.ช. ของสภาฯ ซึ่งเป็นผู้เปิดประเด็นในเรื่องนี้จะขอถอนตัวจากการตรวจสอบ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการครหา แต่ผมเชื่อว่าธีรัจชัยคงรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเพียงเกมการเมืองที่ถูกกำหนดให้ธีรัจชัยเป็นผู้เล่นเท่านั้น เนื่องจากว่าหากสุชัชวีร์ได้รับการตรวจสอบและผลปรากฏว่าไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติอย่างที่กล่าวหา สุชัชวีร์ก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายฟ้องร้องได้ ดังนั้นธีรัจชัยควรจะแนะนำให้พรรคก้าวไกลทำตามเสียงสะท้อนของผู้สนับสนุนพรรคฯ โดยการหาบุคคลที่เหมาะสมมากกว่าวิโรจน์ มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. จะดีกว่าการดิสเครดิตคนอื่น เพราะยังมีเวลาพอสมควรกว่าที่จะมีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อีกทั้งการที่วิโรจน์ลาออกมานั้น ส่งผลเสียให้สภาขาดองค์ประชุมไป 1 คน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชาชนเรียกร้องให้ ส.ส. งดเล่นเกมการเมือง โดยหันมาทำงานในสภาเพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญๆ อันจะเกิดประโยชน์สาธารณะอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วย” ชัยชนะกล่าว