บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) 1.36 ล้านล้านบาท สูงสุดในตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน ล่าสุด บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์หลายรายในตลาดประเมินไว้
DELTA รายงานกำไรสุทธิ 4,668 ล้านบาท ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 29.1% จากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้น 9.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานทำได้ 4.57 พันล้านบาท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์หลายรายประเมินไว้ว่าจะมีกำไรประมาณ 3.8-4 พันล้านบาท
การเติบโตของกำไรในไตรมาสนี้เป็นผลจากยอดขายสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น 28% สู่ระดับ 3.58 หมื่นล้านบาท หนุนโดยกลุ่มผลิตภัณฑ์พาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ จากความต้องการสูงต่อเนื่องของกลุ่มโซลูชันสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ดีซีพาวเวอร์ (DC Power) ซึ่งเป็นพาวเวอร์ซัพพลายสำหรับโซลูชันภาคอุตสาหกรรม, รวมถึงระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม (Industrial Automation)
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย Cloud Storage และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Center เติบโตในอัตราสูงขึ้นกว่าไตรมาสแรกและปีก่อนหน้า จากแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI Application)
ด้านกลุ่มพัดลมและระบบจัดการความร้อนยังเติบโตในระดับปานกลางจากปีก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานชะลอตัวลงจากไตรมาสที่แล้วและปีก่อน เนื่องจากความต้องการสำหรับระบบโทรคมนาคมอ่อนตัวในตลาดยุโรป ท่ามกลางความกังวลต่อราคาพลังงานและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมส่วนการวิจัยและพัฒนาอยู่ที่ 3.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% จากปีก่อนหน้า โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้คิดเป็น 10.5% ของรายได้รวม ลดลงจาก 11.1% เมื่อปีก่อน
สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน มีสินทรัพย์รวมแตะระดับ 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 1 หมื่นล้านบาท หนุนโดยสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น 27.7% รวมทั้งที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น 16% ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้นจากราว 3.63 หมื่นล้านบาท มาเป็น 4.22 หมื่นล้านบาท จากเจ้าหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ราคาหุ้นของ DELTA ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ไต่ระดับขึ้นมาแตะ 110 บาท อีกครั้ง โดยราคาหุ้นเคยขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ 119.5 บาท เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา
สิ่งที่น่าติดตามสำหรับ DELTA หลังจากนี้คือทิศทางของราคาหุ้น ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนมากในตลาดเชื่อว่าสูงเกินพื้นฐานไปแล้ว โดยนักวิเคราะห์ 8 จาก 10 แห่ง ตามข้อมูลใน settrade.com แนะนำให้ขายหรือลดน้ำหนักหุ้น DELTA อย่างไรก็ดี แนวโน้มการเติบโตของกำไรยังเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง