วานนี้ (17 สิงหาคม) ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกอภิปรายขอตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลง 10% เนื่องจากปี 2566 กองทัพอากาศได้ตั้งงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35A โดยไร้อาวุธ ซึ่งมั่นใจว่าในอนาคตกองทัพอากาศจะตั้งงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธตามมา ซึ่งขณะนี้ทางสภาคองเกรสยังไม่อนุมัติให้ประเทศไทยจัดซื้อเครื่องบินรบดังกล่าว
ดังนั้นการตั้งงบประมาณของกองทัพอากาศในครั้งนี้จะเป็นการนำงบประมาณไปกองไว้โดยเปล่าประโยชน์ การนำเงินภาษีของประชาชนไปกองไว้โดยไม่ได้ใช้จะทำให้ประชาชนเสียโอกาส แทนที่จะนำเงินในส่วนนี้ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลังอดอยากในยุคข้าวยากหมากแพงโดยการนำเงินไปกองไว้ จะทำให้ประชาชนตั้งข้อสงสัยได้ว่ากองทัพนำเงินไปแอบแฝงเพื่อประโยชน์อื่นใดหรือมีเจตนาทุจริตหรือไม่
ซึ่งไม่รวมถึงก่อนหน้านี้ที่กองทัพได้จัดซื้อเรือดำน้ำที่มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์กับจีนและยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้จนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงงบเช่ารถหรูประจำตำแหน่งของนายทหารระดับสูงของกองทัพ ที่กองทัพตะแบงเปลี่ยนคำศัพท์จากรถหรูเป็นรถสั่งการถึง 30 คัน
ทัศนีย์กล่าวต่อไปว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีนายทหารระดับนายพลเยอะกว่าความจำเป็น ในปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการขึ้นบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูงมากถึง 792 คน และหากนับย้อนไปตั้งแต่ปี 2561-2563 ประเทศไทยมีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลกว่า 1 หมื่นคน คิดเป็นสัดส่วนนายพลต่อกำลังพลที่ 1:660 นาย ขณะที่สหรัฐอเมริกามีขนาดกองทัพที่ใหญ่กว่าประเทศไทย กองทัพมีแสนยานุภาพสูงกว่าประเทศไทยเป็นอย่างมาก กลับมีสัดส่วนนายพลต่อกำลังพลอยู่ที่ 1:1,600 นาย จึงทำให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงกลาโหมสูงเกินกว่าความจำเป็น ซึ่งไม่รวมถึงงบประมาณลับที่ไม่สามารถตรวจสอบได้
ทัศนีย์กล่าวด้วยว่า กองทัพยังใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนตั้งกองทัพ IO ขึ้นมาโจมตีคนเห็นต่างทางการเมืองและเห็นต่างจากรัฐบาล รัฐบาลควรใช้ภาษีของประชาชนทุกบาททุกสตางค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด งบไหนที่ไม่จำเป็นควรตัดเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนให้มีสวัสดิการที่ดีขึ้น เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ เป็นต้น
ดังนั้นการตั้งงบประมาณที่ไม่เห็นหัวของประชาชนเช่นนี้ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันตัดงบของกระทรวงกลาโหมลง 10% เพื่อนำงบประมาณดังกล่าวไปแก้วิกฤตเศรษฐกิจให้กับประชาชน